ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่เกิน 4 พันลบ. QH ที่ "A-/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 12, 2015 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ไถ่ถอนภายใน 3 ปี ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของ บมจ. ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) ที่ระดับ “A-" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A-" เช่นเดียวกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่"

ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์ที่จะเพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้เป็น 4,000 ล้านบาท จากเดิม 3,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืม อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานของบริษัทในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดบ้านจัดสรรระดับราคาปานกลางถึงสูง และรายได้ที่สม่ำเสมอจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์และเงินลงทุนในหลักทรัพย์

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและภาระหนี้ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับค่อนข้างสูง

ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในระยะปานกลาง

นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะรักษาระดับอยู่ที่ต่ำกว่า 60% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อันดับเครดิตและหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจมีการปรับลดลงหากสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมาก ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา และยอดขายที่ลดลง จนเป็นเหตุให้อัตราส่วนกำไร (ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) ต่อดอกเบี้ยจ่ายต่ำกว่า 2 เท่า และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงกว่า 60% ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตอาจมีการปรับขึ้นหากบริษัทสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่ระดับปัจจุบันไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 50% บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ก่อตั้งในปี 2526 ปัจจุบันบริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ณ เดือนกันยายน 2557 ประกอบด้วย บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (25%) และ The Government of Singapore Investment Corporation Pte. Ltd. (11%) บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยรายได้จัดอยู่ใน 5 อันดับแรกของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคาหลังละ 5 ล้านบาทขึ้นไป

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทยังคงมีผลการดำเนินงานในระดับที่ยอมรับได้ในกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยราคาระดับล่างซึ่งมีราคาอยู่ที่ 1-3 ล้านบาทต่อหลัง โดยตราสัญลักษณ์ที่อยู่อาศัยของบริษัทเป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างสูงในกลุ่มผู้ซื้อบ้านจัดสรร ฐานะการเงินของบริษัทในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมายังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งยกเว้นอัตรากำไรที่สูงกว่าประมาณการ รายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 อยู่ที่ 16,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเปรียบเทียบกับ 9 เดือนแรกของปีก่อน โดยอัตราการเติบโตมาจากกลุ่มสินค้าที่อยู่อาศัยในระดับราคาระหว่าง 1-3 ล้านบาทต่อหน่วยและการเพิ่มขึ้นของยอดโอนโครงการคอนโดมิเนียม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทมีมูลค่าโครงการคอนโดมิเนียมที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) อยู่ที่ 6,798 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดว่าโครงการคอนโดมิเนียมที่ยังไม่ได้ส่งมอบซึ่งจะโอนในปี 2558-2559 จะมีมูลค่าประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาทต่อปี อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) อยู่ที่ 16% เท่ากับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 อยู่ที่ 58% เพิ่มขึ้นจาก 54% ณ สิ้นปี 2556 อย่างไรก็ตาม บริษัทมียอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 อยู่ที่ 14,247 ล้านบาท ลดลง 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสแรกของปี 2557 บริษัทเปิดขายโครงการใหม่เพียงโครงการเดียวเท่านั้น ซึ่งช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองยังมีความรุนแรงอยู่

ในช่วงปี 2558-2560 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี โดยรายได้จากโครงการแนวราบคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 60%-70% ของรายได้ทั้งหมด อัตราส่วนกำไรของบริษัทคาดว่าจะค่อนข้างมีเสถียรภาพ ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนคาดว่าจะต่ำกว่า 60% เมื่อพิจารณาจากแผนการเปิดโครงการใหม่ของบริษัทที่มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี บริษัทยังคงมีสภาพคล่องในระดับที่น่าพอใจ โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 ภาระหนี้ระยะยาวซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้ามีมูลค่าประมาณ 4,600 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะชำระคืนหนี้ส่วนใหญ่ด้วยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ แหล่งสภาพคล่องของบริษัทได้แก่เงินสด 1,700 ล้านบาทและวงเงินระยะยาวที่ยังไม่ได้เบิกใช้มูลค่า 8,900 ล้านบาท รวมทั้งกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ สภาพคล่องของบริษัทยังได้รับแรงหนุนจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ด้วยมูลค่ายุติธรรมที่ 30,200 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ