ทริส คงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ของ GLOBALที่ "A-" แนวโน้มคงที่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 12, 2015 11:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) ที่ระดับ “A-" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

อันดับเครดิตสะท้อนถึงประสบการณ์อันยาวนานของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทย ตลอดจนกลยุทธ์ในการขยายสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัด และความสามารถในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายของบริษัทที่ผ่านมา ทั้งนี้ จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากวงจรเงินสดที่ค่อนข้างยาวของบริษัท รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่มผู้ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการลดลงของราคาของพืชผลการเกษตรซึ่งส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในเขตต่างจังหวัดลดลงถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านได้ต่อไป พร้อมทั้งคาดว่าบริษัทจะรักษาประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุน พร้อมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพในการจัดเก็บสินค้าและบริหารจัดการระบบขนส่งสินค้าในขณะที่มีการขยายสาขาต่อไปได้

อันดับเครดิตไม่มีโอกาสปรับขึ้นในช่วงระยะเวลา 12-18 เดือนข้างหน้านี้เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าในเขตต่างจังหวัดซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัทยังคงฟื้นตัวช้า ในขณะที่ราคาสินค้าเกษตรยังคงอยู่ในระดับต่ำและหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่การฟื้นตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภคใช้เวลายาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ หรือการแข่งขันในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งก่อให้เกิดการหดตัวของยอดขายและทำให้ความสามารถในการทำกำไรลดลงอย่างชัดเจน

GLOBAL เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการค้าปลีกชั้นนำที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทย บริษัทก่อตั้งในปี 2540 โดยนายวิทูร สุริยวนากุล และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2552 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2555 บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นเต็ม 100% โดย บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) ได้กลายมาเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ของบริษัท ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2558 ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย ตระกูลสุริยวนากุล (37.08%) และบริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น (30.02%)

สาขาแห่งแรกของบริษัทตั้งอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ก่อตั้ง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 32 สาขา มีพื้นที่ขายรวม 799,026 ตารางเมตร (ตร.ม.) บริษัทจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างที่หลากหลาย รวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และสินค้าตกแต่งบ้านรวมแล้วประมาณ 100,000 รายการ โดยมีการจัดแต่งรูปแบบร้านในแนวคลังสินค้าขนาดใหญ่และมีพื้นที่ขายเฉลี่ยต่อสาขาขนาด 22,000 ตร.ม.

ในปี 2557 การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนอ่อนแอลง โดยในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 การบริโภคภาคเอกชนลดลง 3.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2%-2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 หลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทยคลี่คลายลงระหว่างไตรมาสที่ 2-4 ของปี 2557 ยอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทปรับตัวลดลง 7.1%-11.3% ในช่วงไตรมาสที่ 1-3 ของปี 2557 และกลับมาเติบโต 1.3% ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 การที่ยอดขายจากสาขาเดิมลดลงนั้น นอกจากจะเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแล้วยังเกิดจากการที่รายได้ของเกษตรกรที่ปรับตัวลงตามราคาผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรง และการที่บริษัทเปิดสาขาที่ 2 ในบริเวณใกล้เคียงสาขาเดิมในบางจังหวัดด้วย นอกจากนี้ ยอดขายวัสดุก่อสร้างที่ลดลง โดยเฉพาะเหล็กซึ่งมีสัดส่วน 15.0% ของยอดขายรวมของบริษัทก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการลดลงของยอดขายจากสาขาเดิมด้วยเช่นกัน

แม้ว่ายอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทจะลดลง แต่ยอดขายรวมของบริษัทในปี 2557 ก็ยังคงเติบโตที่ระดับ 9.0% เมื่อเทียบกับปี 2556 จากการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่ที่เปิดดำเนินการในปี 2556-2557 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจที่ 10.9% ในปี 2557 ลดลงเล็กน้อยจาก 11.3% ในปี 2556 การลดลงของอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการลดลงของกำไรขั้นต้นของสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง จำนวนสินค้าคงคลังของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2557 ทำให้วงจรเงินสดของบริษัทยังมีระยะเวลานานที่ 154 วันในปี 2557

สถานะทางการเงินของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจในปี 2557 โดยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1,619 ล้านบาทในปี 2556 เป็น 1,691 ล้านบาทในปี 2557 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 12.72 เท่าในปี 2557 แม้ว่าจะลดลงจากระดับ 22.8 เท่าในปี 2556 ซึ่งเป็นปีที่สูงผิดปกติก็ตาม ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมยังคงอยู่ในระดับดีที่ 32.53% ในปี 2557

บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาทั้งหมด 7 แห่งต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะนี้บริษัทกำลังพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อย่างไรก็ตาม การเปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้เกิดความล่าช้าเนื่องจากบริษัทตัดสินใจนำระบบ Automated Storage Retrieval System (ASRS) มาใช้ซึ่งระบบนี้จะช่วยลดจำนวนพนักงานในคลังสินค้า อีกทั้งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบสินค้าคงคลัง และช่วยจัดการระดับสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าการสร้างศูนย์กระจายสินค้าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2558

บริษัทวางแผนใช้เงินลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาทต่อปี ในช่วงระหว่างปี 2558-2560 ซึ่งแผนการลงทุนของบริษัทจะทำให้ระดับหนี้สินของบริษัทสูงขึ้น แต่คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ