(เพิ่มเติม) ส.ตราสารหนี้ เผย Q1/58 เอกชนออกหุ้นกู้ 8.24 หมื่นลบ. ลดลง 37%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 8, 2015 18:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรก มูลค่าการระดมทุนของภาคเอกชนผ่านการออกตราสารหนี้ระยะยาว เท่ากับ 82,400 ล้านบาท ลดลง 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่130,739 ล้านบาท แต่จำนวนผู้ออกตราสารหนี้ภาคเอกชนสูงถึง 43 บริษัท เพิ่มขึ้นกว่า 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีผู้ออกตราสารหนี้ระยะยาวรวม 30 ราย โดยเป็นผู้ออกรายใหม่สูงถึง 7 ราย ส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นมียอดการออกตราสารหนี้รวม 1.64 แสนล้านบาท
"ในไตรมาสแรกของปี 58 มีผู้ออกตราสารหนี้ภาคเอกชนทั้งระยะสั้นและระยะยาวสูงถึง 158 บริษัท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงทิศทางใหม่ในการในการเติบโตของตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน ซึ่งเกิดจากการที่บรัทขนาดกลางสามารถเข้าถึงการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้น"

สำหรับภาพรวมตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงไตรมาสแรก มีมูลค่าคงค้างโดยรวมเท่ากับ 9.36 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2557 โดยมูลค่าคงค้างของพันธบัตรภาครัฐ (ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตร ปท. และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ) เพิ่มขึ้น 2.1% มูลค่าคงค้างของตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว เพิ่มขึ้น 2.2% ส่วนมูลค่าคงค้างของตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น ลดลง 27%

ด้านกระแสเงินทุนต่างชาติในช่วงไตรมาสแรก พบว่า เงินลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ลดลง 7.15 พันล้านบาทจากสิ้นปี 57 จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในขณะที่เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน มี.ค. นักลงทุนต่างชาติถือครองตราสารหนี้ไทยรวมมูลค่า 6.76 แสนล้านบาท ลดลง 1.05% จาก 6.83 แสนล้านบาทในปี 57

ด้านความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล ณ สิ้นเดือนมี.ค. พบว่า Yield ของพันธบัตรระยะสั้น (อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) ปรับตัวลดลงประมาณ 28 basis point ตามการลดลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (จาก 2.0% เป็น 1.75% เมื่อวันที่ 11 มี.ค.) ขระที่ Yield ของพันธบัตรระยะยาว (อายุคงเหลือตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป) ปรับตัวลดลงช่วงประมาณ 10-25 basis point เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด และการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินในต่างประเทศ อาทิ การใช้มาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรป หรือ การทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในหลายประเทศ เช่น จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ฯลฯ

ขณะที่แนวโน้มในช่วงถัดไป คาดว่าภาคเอกชน โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางจะระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้จะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตามทิศทางของดอกเบี้ยในประเทศที่ยังทรงตัวในระดับต่ำ ประกอบกับภาคเอกชนมีความต้องการระดมทุนเพิ่มมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและความจำเป็นในการระดมทุนเพื่อรองรับการพัฒนาในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีความชัดเจนมากขึ้น

นายธาดา กล่าวว่า ไม่กังวลหากสหรัฐฯมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย และเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตราสารหนี้ไทย เนื่องจากเชื่อว่าภาครัฐฯจะมีมาตรการในการรับมือ

"ปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสหรัฐฯจะยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากอาจจะเป็นผลกระทบต่อเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้เศรษฐกิจกลับมาชะลอตัวอีกครั้ง ทั้งนี้เชื่อว่าหากสหรัฐฯมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจริงทางภาครัฐฯก็จะเข้ามาช่วยดูแลได้ เพราะสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติที่อยู่ในตราสารหนี้ไทยเพียง 10% เท่านั้น"นายธาดา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ