ก.ล.ต.ประกาศเกณฑ์อนุญาตให้บริษัทตปท.เสนอขายหุ้นต่อประชาชนในประเทศไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 9, 2015 14:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ประกาศหลักเกณฑ์อนุญาตให้บริษัทต่างประเทศออกและเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในประเทศไทย (primary listing) โดยการกำกับดูแลบริษัทต่างประเทศจะใช้มาตรฐานเดียวกับกรณีบริษัทไทยที่ระดมทุนในประเทศ แต่จะมีข้อกำหนดเพิ่มเติมในประเด็นสำคัญ อาทิ
  • การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในวงกว้างต้องนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย
  • การเปรียบเทียบกฎหมายพื้นฐานในส่วนที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้ถือหุ้น (regulatory mapping) ทั้งนี้ ในกรณีที่กฎหมายต่างประเทศข้างต้นไม่เข้มงวดเท่ากฎหมายไทยในเรื่องใด ๆ จะต้องจัดให้มีกลไกคุ้มครองผู้ถือหุ้นในเรื่องนั้น ๆ ให้เทียบเคียงได้กับกฎหมายไทยด้วย
  • การให้ความช่วยเหลือด้านการตรวจสอบและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์ (enforcement) จากหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนต่างประเทศ
  • การมีกรรมการสัญชาติไทยและมีถิ่นที่อยู่ในไทยอย่างน้อย 2 คน โดยอย่างน้อย 1 คน ต้องทำหน้าที่เป็นกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ
  • การจัดทำงบการเงินซึ่งอนุญาตให้ทำตามมาตรฐานการบัญชีไทยหรือสากลตามที่กำหนดได้
  • การมีที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ดูแลและให้คำแนะนำเป็นเวลา 3 ปี
  • การเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้น (แบบ filing) เช่น สิทธิและความคุ้มครองผู้ลงทุน ข้อจำกัดและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เช่น การฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมาย ข้อจำกัดเกี่ยวกับการส่งเงินออกนอกประเทศ

สำหรับกรณีบริษัทต่างประเทศที่มาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนผ่านการจัดตั้ง holding company ในประเทศไทยโดยลักษณะเสมือนบริษัทต่างประเทศจะมาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในไทยทางอ้อมผ่าน holding company ก็จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ primary listing นี้เช่นกัน อย่างไรก็ดี หากเป็นกรณี holding company ที่จัดตั้งในไทยและเป็นบริษัท ของคนไทย แต่ไปลงทุนในบริษัทย่อยที่เป็นธุรกิจหลักซึ่งจัดตั้งในต่างประเทศ จะนำหลักเกณฑ์ข้างต้นมาใช้บางส่วน เช่น การทำ regulatory mapping เป็นต้น

“การเปิดให้มีหุ้นของบริษัทต่างประเทศจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นการสนับสนุนการเชื่อมโยงตลาดทุนไทยกับภูมิภาคและตลาดโลก ส่งผลให้ทั้งผู้ระดมทุนและผู้ลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้ตลาดทุนไทยเติบโต มีขนาดใหญ่และน่าสนใจยิ่งขึ้นแล้ว ยังส่งเสริมการระดมทุนของคนไทยที่ทำธุรกิจอยู่ในต่างประเทศ และกิจการจากประเทศที่ต้องการเงินทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้สามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย"นายวรพล กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ