KSAM เปิดขายกองตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ชูผลตอบแทน 2.45%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 20, 2015 16:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี(KSAM) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M9 (KFFAI6M9) อายุประมาณ 6 เดือน สนอขายระหว่างวันที่ 21 - 27 เมษายน 2558 เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ลงทุนขั้นต่ำ 510,000 บาท ประมาณการณ์ผลตอบแทน 2.45% ต่อปี

กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร China Construction Bank (สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 12% ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Akbank T.A.S. (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 22% ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Isbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Vakifbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 22% และตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Yapi Kredit bank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 22%

ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.45% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป

“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M9 (KFFAI6M9) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อคผลตอบแทนโดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน" นายฉัตรพี กล่าว

สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น ราคาตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาอ่อนแอ โดยอัตราผลตอบแทนปรับลดลงร้อยละ 0.02-0.15 โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวลดลงมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น ทางด้านสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงจาก B- สู่ CCC+ และให้มุมมอง “เชิงลบ" เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาปัญหาหนี้สินระหว่างรัฐบาลกรีซกับกลุ่มเจ้าหนี้ ซึ่งหากรัฐบาลกรีซไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการปฏิรูปก่อนสิ้นเดือน มิ.ย. กรีซก็อาจจะผิดนัดชำระหนี้ได้

“ทางด้านไอเอ็มเอฟคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.7% ในปี 2558 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน แต่ก็มีความเสี่ยงขาลงในระยะสั้น ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่นโยบายการคลังและการเงินจะต้องช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่สภาพัฒน์คงคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ที่ 3.5 – 4.5% พร้อมทั้งระบุว่า เศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 3% โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน และการลงทุน" นายฉัตรพี กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ