MFC-W1 ปิดเทรดวันแรกที่ 16 บาท มูลค่าซื้อขาย 1.69 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 20.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 20.10 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 16 บาท
ขณะที่หุ้น MFC ปิดที่ 34.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท(+1.47%)มูลค่าซื้อขาย 224,580 บาท โดยเปิดตลาดที่ 34 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 34.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 34 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บลจ.เอ็มเอฟซี ใช้ชื่อย่อ MFC-W1 คาดว่าจะมี All-in Premium เป็นติดลบ ที่ราว -4.1% เนื่องจากเป็นใบสำคัญแสดงสิทธิที่มีสถานะ In-The-Money ส่งผลให้มีโอกาสสูงเกิดผลกระทบ Dilution Effect 33%, ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงถึงประมาณ 5% เป็นตัวกดดันมูลค่าใบสำคัญแสดงสิทธิ และมีอายุการใช้สิทธิ 3 ปีไม่ยาวมากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม เรามองว่า MFC-W1 มีความน่าสนใจในการลงทุนเพื่อแปลงสภาพเป็นหุ้นแม่เท่านั้น เนื่องจากมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของ MFC นับจากต้นปี (YTD) ที่ต่ำเพียงวันละไม่ถึง 1 ล้านบาท ทำให้ไม่เหมาะกับการถือยาวเพื่อเก็งกำไรส่วนต่างจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นแม่
จากการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมด้วยวิธี BSM อ้างอิงราคาปิดที่ 34 บาท (28 เม.ย.) จะได้มูลค่าที่เหมาะสมของ MFC-W1 ที่ 14.61 บาท พร้อมให้กรอบมูลค่าของ MFC-W1 ไว้ที่ 13.92-15.64 บาท เมื่อราคาหุ้น MFC เคลื่อนไหวในกรอบ 33-35.50 บาท โดย Volatility อยู่ที่ 51% per year
MFC ประกอบธุรกิจหลักประเภทจัดการกองทุน โดยแบ่งธุรกิจกองทุนได้เป็น 5 ประเภทได้แก่ 1) กองทุนรวมที่มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารกว่า 2.35 แสนล้านบาท 2) การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีกองทุนกว่า 38 กองทุน มูลค่ากองทุนรวม 1.42 แสนล้านบาท 3) กองทุนส่วนบุคคลมูลค่า 3.8 หมื่นล้านบาท 4) นายทะเบียนกองทุนรวม 5) ทรัสตี
MFC-W1 จำนวนที่ออก 60 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 2 : 1 ฟรี อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 18 บาท, อายุ 3 ปี กำหนดใช้สิทธิได้ทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน มี.ค., มิ.ย., ก.ย. และ ธ.ค. (ใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันที่ 30 มิ.ย. 2015 และใช้สิทธิได้ครั้งสุดท้ายในวันที่ 30 มี.ค. 2018 ซึ่งเป็นวันหมดอายุ)