บมจ.การบินไทย(THAI)และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/58 มีกำไรสุทธิ 4.54 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.08 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 2.63 พันล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 1.21 บาท
พร้อมกันนั้นนางชาริตา ลีลายุทธ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริหารงานลงทุนสัมพันธ์ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินและการบัญชี THAIเปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/58 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรก่อนกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้ และผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ จำนวน 4,415 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนขาดทุน 3,287 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจำนวน 9,654 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8,664 ล้านบาท
แต่มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบิน จำนวน 11,804 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11,720 ล้านบาท เป็นผลให้บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 4,549 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 2,619 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 4,541 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.08 บาท เปรียบเทียบกับปีก่อนซึ่งขาดทุน 2,634.11 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 1.21 บาท
ทั้งนี้ ไตรมาส 1/58 บริษัทมีจำนวนผู้โดยสาร 5.62 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีประมาณการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.3 ปริมาณการผลิตผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 อัตราการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) เฉลี่ยร้อยละ 75.4 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งเฉลี่ยร้อยละ 70.1
รายได้จากการขายหรือการให้บริการ เพิ่มขึ้น 1,683 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.4 จากรายได้ค่าโดยสารและน้ำหนักส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวประเทศไทย และการขยายตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศประกอบกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการหารายได้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 6,020 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.6 สาเหตุใหญ่เนื่องจากราคาน้ำมันเฉลี่ยลดลง
ในไตรมาสนี้ บริษัทได้เริ่มดำเนินการตามแผนปฏิรูปในขั้นตอนแรกการหยุดการขาดทุน (Stop the bleeding) โดยหยุดทำการบินในเส้นทางบินกรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม 2558 และหยุดทำการบินในเส้นทาง กรุงเทพฯ-มอสโคว และภูเก็ต-โซล ตามตารางการบินประจำภาคฤดูร้อน 2015 (Summer TPI 2015) ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 58
ควบคู่ไปกับการปรับแบบเครื่องบินให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และดำเนินการตามแผนการปรับปรุงฝูงบิน (Fleet Strategy) โดยการปลดระวางเครื่องบิน 11 ลำ และขายเครื่องบินเก่าที่ปลดระวางแล้วจำนวน 2 ลำ ในขณะที่รับมอบเครื่องบินใหม่รวม 2 ลำ ทำให้ฝูงบิน ณ 31 มีนาคม 58 มีจำนวน 93 ลำ มีอายุเฉลี่ยของฝูงบินลดลงจาก ณ 31 ธันวาคม 57 ที่ 8.3 ปี เป็น 7.6 ปี