การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,501.12 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,478.90 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 235 หลักทรัพย์ ลดลง 726 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 169 หลักทรัพย์
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีปรับตัวลงแรง เป็นผลมาจากปัจจัยภายในและภายนอก โดยเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงชะลอตัวและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/58 ต่างออกมาไม่ค่อยดี ส่งผลทำให้มีแรงขายออกมา ประกอบกับ ปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการเจรจาแก้ปัญหาหนี้ของกรีซไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปเปิดมาวันนี้เป็นลบ และส่งผลต่อ sentiment โดยรวมของตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งตลาดหุ้นอื่นในเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่ดัชนีเป็นลบเช่นเดียวกัน
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(13 พ.ค.)นายธนเดช คาดว่า มีโอกาสที่ดัชนีจะสามารถรีบาวด์ระหว่างวันได้ หากปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ที่ส่งผลเชิงลบได้ผ่านมาไปแล้ว ประกอบกับ ต้องติดตามการประกาศตัวเลขจีดีพีของประเทศชั้นนำในยูโรโซนประกอบ อย่างเช่น เยอรมัน และฝรั่งเศสในวันพรุ่งนี้ หากออกมาดีก็จะส่งผลเชิงบวกต่อตลาด แต่หากออกมาแย่ก้จะส่งผลเชิงลบและยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่
"SET พรุ่งนี้ก็คาดว่าอาจจะสามารถรีบาวด์ระหว่างวันได้ในเชิงเทคนิค จากที่วันนี้ SET ลงแรง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา SET ก็ลงมาหลายวัน เพราะปัจจัยทั้งในและนอกประเทศเป็นปัจจัยลบทั้งสิ้น และตอนนี้ก็ยังมองว่าปัจจัยต่าง ๆ ก็ยังเป็นบันไดขาลง อีกทั้งหลังจาก SET หลุด 1,500 จุด มาแล้ว ก็ส่งสัญญาณ sentiment ของตลาดเริ่มไม่ดีแล้ว พรุ่งนี้ก็คงต้องดูว่าจีดีพีประเทศชั้นนำในยูโรโซนจะออกมาดีไหม ถ้าออกมาดี SET ก็จะมีโอกาสรีบาวด์ได้"นายธนเดช กล่าว
พร้อมให้แนวต้าน 1,490 จุด แนวรับ 1,470 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,920.54 ล้านบาท ปิดที่ 345.00 บาท ลดลง 9.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,864.10 ล้านบาท ปิดที่ 208.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,125.87 ล้านบาท ปิดที่ 11.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,048.87 ล้านบาท ปิดที่ 19.80 บาท ลดลง 0.20 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,017.87 ล้านบาท ปิดที่ 526.00 บาท ลดลง 12.00 บาท