(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าอ่อนตัว ตามตลาดตปท.กังวลเฟดขึ้นดบ.-เศรษฐกิจในปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 27, 2015 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯมองตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีทิศทางที่อ่อนตัวลง ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ทั้งจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป รวมถึงตลาดภูมิภาคที่เช้านี้เปิดมาอ่อนตัวลง หลังสหรัฐเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี ทำให้ตลาดกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่ยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังตัวเลขการส่งออกในเดือนเม.ย.ยังติดลบ ประกอบกับโบรกเกอร์หลายแห่งได้ทยอยปรับลดประมาณกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/58 ออกมาหมดแล้ว โดยมองแนวรับบริเวณ 1,484-1,487 และแนวต้านที่ 1,510 และ 1,515 จุด

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยหลุดระดับ 1,500 จุดลงมาเมื่อวานนี้ ทำให้ sentiment ของตลาดยังมีทิศทางเชิงลบอยู่ ประกอบกับเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศสหรัฐปรับตัวลงมา แม้จะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่ตลาดกลับมีความกังวลว่าอาจจะทำให้เกิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปลดลงเมื่อคืนนี้ด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่ยังคงอ่อนตัวลงเช่นกัน

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ยังไม่เห็นประเด็นบวกใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่ยังไม่ดีนัก โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย. ลดลง 1.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่โบรกเกอร์หลายแห่งยังได้ลดประมาณการกำไรปีนี้ของบจ. หลังสิ้นสุดการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/58 ออกมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามในช่วงสิ้นเดือนนี้ เกี่ยวกับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนเม.ย.ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในวันศุกร์นี้ และการปรับน้ำหนักหุ้นไทยในการคำนวณดัชนี MSCI รวมถึงทิศทางการลงทุนของต่างชาติด้วย โดยในช่วงที่ผ่านมาต่างชาติมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทย แต่เป็นลักษณะการเลือกซื้อรายตัว ขณะที่มูลค่าซื้อขายที่เข้ามาในตลาดไม่มากนัก

พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,484-1,487 และแนวต้านที่ 1,510 และ 1,515 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(26 พ.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,041.54 จุด ร่วงลง 190.48 จุด(-1.04%),ดัชนี
NASDAQ ปิดที่ 5,032.75 จุด ลดลง 56.61 จุด(-1.11%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,104.20 จุด ลดลง 21.86 จุด(-1.03%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด ลดลง 56.84 จุด , ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้น
เกาหลีใต้เปิด ลดลง 10.01 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 25.18 จุด , ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้น
ไต้หวันเปิด ลดลง 2.52 จุด , ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิด ลดลง 35.20 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิด
เพิ่มขึ้น 21.95 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิด ลดลง 5.72 จุด , ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้น
ฟิลิปปินส์เปิด ลดลง 3.26 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิด ลดลง 24.66 จุด, ดัชนี ALL
ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลง, ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลง
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(26 พ.ค.58)1,497.98 จุด ลดลง 10.18 จุด (-0.67%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,122.13 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 พ.ค.58
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(26 พ.ค.58) ปิดที่ 58.03 ดอลลาร์/
บาร์เรล ลดลง 1.69 ดอลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(26 พ.ค.58)ที่ 9.25 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.75/80 อ่อนค่าต่อ หลังดอลล์แข็งจากตัวเลขศก.สหรัฐออกมาดี
  • ธนาคารกรุงเทพ แจ้งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท โดยอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี
ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลด 0.125% จาก 6.625% เป็น 6.50% อัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ชั้น
ดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลด 0.125% จาก 7.50% เป็น 7.375% และลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR)ปรับลด 0.25%
จาก 8.125% เป็น 7.875% โดยมีผลตั้งแต่ 26 พ.ค. 58 เป็นต้นไปด้านธนาคารกรุงไทย ได้ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ 2
ประเภท โดยมีผลวันที่ 28 พ.ค.58 เป็นต้นไป เช่นกัน
  • บอร์ดคัดเลือกผู้ว่า ธปท. ประชุมนัดแรกตรวจคุณสมบัติ "5 ผู้สมัคร" พร้อมดูวิสัยทัศน์เบื้องต้นจากใบสมัคร ก่อน
พิจารณานัดสัมภาษณ์อีกครั้ง ส่วนผู้สมัครคัดเลือก ซีอีโอ "ปตท." ยื่นใบสมัคร 4 ราย เป็นลูกหม้อ 3 คนนอก 1 คน
  • ครม.เห็นชอบยุทธ์ศาสตร์ร่วมทุน "รัฐ-เอกชน" ระยะ 5 ปี วงเงิน 1.41 ล้านล้าน เน้นเอกชนร่วมลงทุนในโครง
สร้างพื้นฐาน พร้อมไฟเขียวบันทึกความร่วมมือกับญี่ปุ่น ศึกษาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง "กรุงเทพฯ-เชียงใหม่" และ "กรุงเทพฯ-
ระยอง" พร้อมแนวเส้นทางรถไฟเศรษฐกิจใต้เชื่อมโยงทวาย ด้าน "ประจิน" บินลงนาม 27 พ.ค.นี้
  • นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีต่อ
เนื่อง เห็นได้จากการบริโภคที่ฟื้นตัวได้ดี การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากการบริโภคเติบโตถึง 12.7% แม้ว่าจะน้อยกว่าเดือน
ก่อนหน้าที่โต 20.1% แต่เพราะเดือน เม.ย. มีวันหยุดยาว ทำให้ธุรกรรมทางเศรษฐกิจน้อยกว่าปกติเลเซียและเรือ Off Shore
Supply Vessel เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น
  • สถาบันยานยนต์ฟันธงเป้าผลิตรถยนต์ไทยพลาดเป้า 3 ล้านคัน ในปี'60 ชี้เศรษฐกิจโลกไม่อำนวย กำลังซื้อใน
ประเทศฝืด ปัญหาสะสมจากสินค้าเกษตรตกต่ำ และโครงการรถคันแรกดึงซื้ออนาคตหมดแล้ว กดดันยอดผลิต 4 เดือนตก 15% ทั้งปี
2.2 ล้านคัน กังวลกระทบนโยบายรัฐดันไทยผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แนะระยะสั้นทำได้แค่ไฮบริดกึ่งไฟฟ้า
  • พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือโครงการรถไฟฟ้า
สายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 35 กิโลเมตร ว่า ได้สั่งการให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
(รฟม.) เตรียมข้อมูลการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงแรก คือ ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทาง 21 กิโลเมตร ซึ่งเป็นแนวเส้น
ทางเดิมที่เคยศึกษาไว้ และช่วงพระราม 9-มีนบุรี ระยะทาง 20 กิโลเมตร ที่ได้ปรับใหม่ เพื่อชี้แจงต่อคณะกรรมการจัดระบบการ
จราจรทางบก (คจร.) มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ เพื่อหาข้อสรุป หาก
เลือกแนวเส้นทางเดิมจากศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี จะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเดินหน้าโครงการได้
ทันที แต่หากเลือกแนวเส้นทางพระราม 9-มีนบุรี ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด คาดว่าต้องใช้เวลา 6-12 เดือน
  • นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า
การส่งออกของไทยในเดือน เม.ย. 58 มีมูลค่า 16,900.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นมูลค่าต่ำสุดในรอบ 3 ปี และลดลงจากช่วง
เดียวกันของปีก่อน 1.70% ซึ่งติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในรอบปีนี้ เนื่องจากเดือน เม.ย.มีวันหยุดมาก ประกอบกับราคาสินค้า
เกษตรและราคาน้ำมันดิบต่ำ ส่งผลให้ในระยะ 4 เดือนแรกของปี มีมูลค่ารวม 70,265 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลง 3.99%
  • ครม.มีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังยืมเงินปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการ
โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ จำนวน 1.43 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการบริหารจัดการ
ทรัพยากรน้ำและระบบขนส่ง ทางถนนระยะเร่งด่วน ที่มี พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน
  • ครม.ชงรื้อระบบเลือกตั้ง หั่นทิ้ง"โอเพ่นลีสต์-กลุ่มการเมือง" โดยเสนอแก้ รธน.ให้อุทธรณ์ คำพิพากษาศาลฎีกา

นักการเมืองได้เปิดคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญของ ครม.เสนอทบทวนระบบเลือกตั้งสัดส่วนผสม แนะยึด รธน.2550 เป็นต้นแบบ

ตัด "กลุ่มการเมือง" สมัคร ส.ส.ทิ่งชี้ได้ไม่คุ้มเสียนายกฯ นัดถก ครม.พิเศษ 29 พ.ค. แก้ รธน.ชั่วคราว

*หุ้นเด่นวันนี้

  • INTUCH(ธนชาต) แนะ"ซื้อ"เป้าหมายพื้นฐาน 95 บาท จากผลการดำเนินงานกลับมาเติบโตอีกครั้งปีนี้ +12% y-y
และได้รับผลดีมากที่สุดจากการประมูล 4G ปลายปีนี้ อีกทั้งมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 6-6.7% ในปี 2015-16 และรอรับ
ปันผลกลางปี ~3% ตอลดจนราคาหุ้นต่ำกว่า NAV ที่ 94 บาท อยู่ 18%
  • TTCL (ธนชาต) แนะ"ซื้อ" เป้าหมายพื้นฐาน 51 บาท จาก 1) ผลการดำเนินงาน Turnaround ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้น
ไป +53% หลังงาน EPC กำไรต่ำบันทึกไปแล้ว และโรงไฟฟ้า 120MW ผลิตไฟฟ้าเต็มกำลังตั้งแต่ 2Q15 และจะมีรายได้จากการผลิต
ไฟฟ้า 120MW เต็มปีตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นไป 2) รายได้รับเหมาฯ ล่าสุดเซ็นสัญญาก่อสร้างโรงงานปิโตรฯ ในประเทศ มูลค่า
US$22 ล้าน โรงไฟฟ้าถ่านหินพม่าเริ่มเข้ามาตั้งแต่ปี 2016 หนุนกำไรโตต่อ 81% ส่งผล PE ลดลงเหลือ 14.5x ปีหน้า ขณะที่ราคา
ปัจจุบัน Upside 53% 3) ระยะยาว TTCL จะเปลี่ยนจากผู้รับเหมาฯ EPC เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ามากขึ้น หลังโรงไฟฟ้าถ่านหิน
1,280MW เริ่มผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นไป
  • TK (ฟินันเซีย ไซรัส) เพิ่มคำแนะนำเป็น"ซื้อ"จากเดิม"ถือ" เป้าหมาย 11.20 บาท หลังเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2015 ขึ้น 40% เป็น 464 ล้านบาท เติบโต137% Y-Y หลังผลประกอบการ 1Q15 ยืนยันการฟื้นตัวที่มีเสถียรภาพ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการตั้งสำรองหนี้สูญน้อยลงหลังจากผ่านการตั้งอย่างเข้มข้นไปในปีที่แล้ว ขณะที่ NPL เริ่มดีขึ้น แม้ว่าสินเชื่อในปีนี้อาจทำได้เพียงทรงตัว เพราะนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดของบริษัท ราคาหุ้นที่ปรับลงมาทำให้ upside กว้างขึ้นจากราคาเป้าหมาย
  • SAWAD (บัวหลวง) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 53 บาท อิง PEG ที่ 1 เท่า โดยมองว่าเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซา ผู้กู้รายย่อยชักหน้าไม่ถึงหลัง และไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อแบงก์ใหญ่ได้ จะส่งผลบวกต่อ การขยายตัวของสินเชื่อบริษัท ด้านผู้บริหารยังคงตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 20-30% ขณะที่ NPL ไม่น่ากังวลเพราะ หลักประกัน ส่วนใหญ่เป็นรถกระบะ และ บ้าน ซึ่งบริษัทได้ตั้งนโยบายหลักประกันที่รัดกุมโดยตีมูลค่าหลักประกันในการให้กู้ไว้ให้ต่ำกว่าราคาตลาดมาก เพื่อป้องกันการเบี้ยวหนี้ และ เมื่อยึดหลักประกันจะสามารถขายทอดตลาดในราคาที่มีกำไรครอบคลุม NPL ได้แน่นอน โดย NPL มีค.อยู่แค่ 5.8% และมีตั้งสำรองอีก 62.3%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ