(เพิ่มเติม1) TCMC ซื้อกิจการเฟอร์นิเจอร์อังกฤษ"อัลสตันส์" หนุนกำไรปีนี้โตเท่าตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 12, 2015 17:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.อุตสาหกรรมพรมไทย(TCMC) เดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเข้าซื้อกิจการผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์สัญชาติอังกฤษ"อัลสตันส์"ภายใต้แผนการลงทุนมูลค่ากว่า 24.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,250 ล้านบาท ในการเข้าซื้อหุ้น 76% เพื่อใช้เป็นฐานสำคัญในการขยายตลาดของบริษัทออกสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิปีนี้เติบโตได้เท่าตัวจากปีก่อน

นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร TCMC กล่าวว่า บริษัทจะใช้ช่องทางจำหน่ายของ ‘อัลสตันส์’ ในการจำหน่ายพรมของบริษัทออกไปยังตลาด สหราชอาณาจักร รวมทั้งนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ซึ่งเป็นสินค้าหลักเข้ามาทำตลาดในกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่แล้วทั่วโลก โดยมองว่าธุรกิจนี้มีความสอดคล้องและสามารถสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตเคียงคู่กันไปได้ทั้ง 2 ฝ่าย จึงเชื่อว่าเป็นการซื้อกิจการที่สมเหตุสมผลและมีแนวโน้มเติบได้อีกมากในอนาคต

“อัลสตันส์ เป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่มีชื่อเสียงเก่าแก่มากในสหราชอาณาจักร และมีการเติบโตที่น่าสนใจถึงปีละ 15% โดยในรอบปีที่ผ่านมามียอดขายรวม 30 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท) และมีกำไรสุทธิ 3 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 150 ล้านบาท) ซึ่งบริษัทมองว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของ พรมไทปิง และ พรมรอยัลไทย ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราคงยังไม่หยุดแค่นี้ หากมีธุรกิจที่น่าสนใจเพิ่มเติมในอนาคต เราก็พร้อมที่จะเดินหน้าการขยายธุรกิจในรูปแบบเดียวกันนี้ต่อไปเช่นกัน"

เมื่อปีก่อน TCMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายพรมภายใต้ตราสินค้า ‘ไทปิง’ และ ‘รอยัลไทย’ ได้เข้าซื้อกิจการของผู้ผลิตผ้าหุ้มเบาะและพรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างบริษัท ที.ซี.เอช. ซูมิโนเอะ จำกัด และพบว่าเป็นแนวทางในการขยายธุรกิจที่น่าสนใจ และช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยในปี 57 รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,700 ล้านบาท และกำไร 88 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรายได้ 700 ล้านบาทและกำไร 25 ล้านบาทในปีก่อนหน้า

นายพิมล กล่าวอีกวา รายได้และกำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้คาดว่าเติบโตเท่าตัวจากปีก่อน หลังได้เข้าซื้อกิจการของอัลสตันส์ ซึ่งบริษัทจะบันทึกรายได้และกำไรสุทธิได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/58 จากปกติอัลสตันส์มีรายได้อยู่ที่ราวปีละ 1,500 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิราว 150 ล้านบาท "ปีนี้รายได้ และกำไรสุทธิคงจะเติบโตจากปีก่อนเท่าตัว หลังจากเราจะสามารถรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อกิจการ อัลสตันส์ ที่จะเริ่มบันทึกรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/58 เป็นต้นไป สำหรับธุรกิจเดิมเราก็คาดว่ายอดขายคงจะเพิ่มเป็น 1,900 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,700 ล้าน และกำไรสุทธิในธุรกิจเดิมคงจะเติบโตได้ราว 25-30% จากปีก่อน"

สำหรับธุรกิจพรมคงจะมียอดขายต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากในปีนี้ธุรกิจโรงแรมมีการขยายตัวค่อนข้างน้อย และสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ก็ทำให้โรงแรมเดิมชะลอการเปลี่ยนพรมใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดี ทำให้ในธุรกิจนี้ยังมีกำไรสุทธิใกล้เคียงปีก่อน แม้รายได้ลดลง ขณะที่ธุรกิจผ้าหุ้มเบาะและพรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ลูกค้ารายใหญ่ของไทปิงประกอบไปด้วย เครือโรงแรมชั้นนำระดับโลก อาทิ ฮิลตัน, ไฮแอท, แมริออต, ริทซ์ คาร์ลตัน เป็นต้น แบรนด์เนมช็อป อาทิ หลุยส์ วิตตองและกุชชี่ เรือสำราญระดับหรูของโลกไม่ว่าจะเป็นเรือเอสเมอรันด้า และเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างเรืออเล็กซานเดรีย สำหรับลูกค้าในประเทศไทยก็มีหลากหลาย อาทิ โรงแรม สถานที่ราชการ บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ศูนย์การประชุม โครงการที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ต้องการความพิเศษที่แตกต่าง รวมไปถึงโรงภาพยนตร์ชั้นนำในเครือเมเจอร์ และเอสเอฟ ซิเนม่า เป็นต้น

“ที่ผ่านมาเราจะมุ่งเน้นการทำตลาดในต่างประเทศเป็นหลักเนื่องจากสภาพภูมิอากาศของเขามีความเหมาะสมกับใช้พรมในการตกแต่งมากกว่าบ้านเรา อย่างไรก็ตาม พรมไทปิงก็เป็นบริษัทของคนไทยที่ดำเนินธุรกิจต่อเนื่องมายาวนาน และเรามองว่าโอกาสในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในประเทศไทยยังสามารถทำได้อีกมากในอนาคต"นายพิมล กล่าว

นายพิมล กล่าวว่า บริษัทยังมองหาการเข้าซื้อกิจการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง หากมีธุรกิจที่มีความน่าสนใจ และให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้น ทั้งกิจการที่เป็นกิจการเกี่ยวเนื่องกับบริษัทหรืออาจจะเป็นกิจการที่แตกต่างออกไป "เรายังคงมองหาการขยายกิจการในทุกรูปแบบ ทั้งการเข้าซื้อกิจการ หรือการขยายธุรกิจเดิมที่มีอยู่ ซึ่งเรามองในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม รวมไปถึงการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ เราก็ยังมองหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นของเรา ซึ่งเราคงเน้นมองหาการเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับเรามากกว่า"นายพิมล กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ