TAKUNI มั่นใจปีนี้กำไรโตเท่าตัวแม้รายได้พลาดเป้าหลังยอดก๊าซร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 16, 2015 16:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ทาคูนิกรุ๊ป (TAKUNI) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.18 ล้านบาท แม้ว่ารายได้อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ใช้รถติดก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) หันไปใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อปริมาณการขาย LPG แต่อย่างไรก็ตามบริษัทจะรับรู้รายได้จากงานในมือ(Backlog) ของบริษัทย่อย คือ บริษัท ทาคุนิ(ประเทศไทย) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 250 ล้านบาท

นอกจากนี้การเข้าร่วมทุน 47.72% ในบริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรับเหมาก่อสร้างธุรกิจ oil&gas ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากเป็นพิเศษนั้น ก็จะเริ่มบันทึกผลกำไรเข้ามาได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/58 ขณะที่ปัจจุบันบริษัทดังกล่าวมี Backlog ราว 540 ล้านบาท และยังมีการเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่องด้วย

"จากราคาน้ำมันที่ดิ่งลงมา และยังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำทำให้คนหันไปใช้น้ำมันมากขึ้น ยอดขายก๊าซ LPG ของเราก็เลยตกลงไป ส่งผลไปถึงรายได้ของเราอาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเราจะเห็นสัญญาณได้ชัดเจนมากขึ้นว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่หลังจบไตรมาส 2/58 แต่อย่างไรก็ตามเรายังมั่นใจว่ากำไรสุทธิของเราคงจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะมีการเติบโตจากปีก่อนมากกว่าเท่าตัว เพราะไตรมาส 1/58 ที่ผ่านมากำไรสุทธิของเราสูงถึงกว่า 20 ล้านบาทแล้ว จากปีก่อนทั้งปีเรามีกำไรสุทธิเพียง 27 ล้านบาท หลังจากนี้เราก็จะรับรู้รายได้จากบริษัทย่อย และบริษัท ซี เอ แซด ที่เราเข้าไปถือหุ้น ก็จะทำให้กำไรสุทธิของเราเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้"นางสาวนิตา กล่าว

นางสาววนิตา กล่าวว่า บริษัทเตรียมที่จะผลักดันให้ บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในอีก 2 ปีต่อจากนี้ หรือภายในปี 60 เพื่อที่จะใหั้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียน รองรับการเข้าประมูลงานขนาดใหญ่ได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/58 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทยอยรับรู้ผลกำไรจากโครงการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซ ซึ่งได้ลงนามในสัญญาเมื่อปี 57 โดยมีมูลค่าสัญญา 137 ล้านบาท และ 165 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งรายได้เพิ่มเติมตามสัดส่วนการลงทุนในบริษัท ซี เอ แซด ด้วย

สำหรับความคืบหน้าการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลนั้น ปัจจุบันได้เลือกที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างต่อรอง ซึ่งคาดว่าจะสามารถแต่งตั้งที่ปรึกษาการเงินได้ภายในเดือน มิ.ย. นี้ ก่อนสรุปซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าวซึ่งมีกำลังการผลิตที่ 9.9 เมกะวัตต์ โดยบริษัทคาดว่าจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50% โดยเงินลงทุนจะมาจากเงินสดที่มีอยู่ในมือ และยังมีความสามารถในการกู้จากสถาบันการเงินได้อีก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.4%

"เราอยู่ระหว่างต่อรองกับที่ปรึกษาทางการเงิน แต่ก็คงได้ข้อสรุปในเดือนนี้ ซึ่งหากเราแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินแล้วเสร็จเราคงให้เขาเข้าไปศึกษาถึงความคุ้มค่าการลงทุนก่อน หากคุ้มเราก็เข้าไปลงทุนแน่นอน แต่หากไม่คุ้มค่าเราก็อาจจะไม่ลงทุนก็ได้ เราก็ต้องรอทางที่ปรึกษาทางการเงินก่อนว่าจะให้ความเห็นอย่างไร ซึ่งหากเราได้โครงการนี้จริงๆคงจะไม่ส่งผลมากต่อรายได้และกำไรในปีนี้ แต่จะเห็นชัดๆในปีหน้า ซึ่งธุรกิจไฟฟ้าจะไม่ใช่ธุรกิจหลักของเรา แต่เป็นการกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจหลักในปัจจุบัน"นางสาวนิตา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ