SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,489.59 จุด ลดลง 2.03 จุด (-0.14%) มูลค่าการซื้อขาย 36,792.66 ล้านบาท โดยตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบทั้งแดนบวกและลบ แม้จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มแบงก์กลับเข้ามาช่วยพยุงตลาด แต่ยังไม่สามารถหนุนให้ดัชนีปิดตัวในแดนบวกได้ นักวิเคราะห์ฯเผยว่าตลาดยังรอดูปัจจัยจากกรีซ ที่จะมีการลงประชามติกรณีปัญหาหนี้กรีซในวันอาทิตย์นี้ ประกอบกับยังมีถ่วงจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังอ่อนแอกดดันตลาดอยู่ โดยมองว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์หน้าจะมีแนวรับบริเวณ 1,480 และแนวต้านที่ 1,510 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,489.59 จุด ลดลง 2.03 จุด(-0.14%) มูลค่าการซื้อขาย 36,792.66 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยดัชนีปรับขึ้นทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,495.37 จุด และทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,485.50 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 280 หลักทรัพย์ ลดลง 523 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 265 หลักทรัพย์
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบทั้งแดนบวกและลบ ด้วยมูลค่าซื้อขายที่เบาบาง โดยนักลงทุนซื้อกลับหุ้นในกลุ่มแบงก์หลังจากที่ปรับลดลงแรงเมื่อวานนี้ ที่โบรกเกอร์ต่างปรับลดประมาณการกำไรกลุ่มแบงก์ลงจากแนวโน้มการตั้งสำรองที่สูงขึ้น ทำให้เมื่อมีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/58 ออกมาคาดว่าจะไม่มีข่าวร้ายที่สร้างความประหลาดใจอีกแล้ว
ขณะที่มองว่าเป็นโอกาสที่นักลงทุนที่มีระยะเวลาถือครองหุ้น 1 ปีขึ้นไปสามารถเข้าลงทุนหุ้นแบงก์ได้ เพราะระดับมูลค่า(valuation) ในระดับปัจจุบันนับว่าหุ้นแบงก์น่าสนใจที่สุด และจะสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกได้สูงในอนาคต
อย่างไรก็ตาม มูลค่าซื้อขายที่เข้ามาในวันนี้ค่อนข้างเบาบาง หลังจากที่นักลงทุนรอดูสถานการณ์จากกรีซ ที่จะมีการลงประชามติในวันที่ 5 ก.ค.นี้เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ชี้ขาดว่าจะยอมรับข้อเสนอการปฏิรูปจากเจ้าหนี้หรือไม่ โดยหากเสียงส่วนใหญ่โหวต"Yes"หรือยอมรับแผนปฏิรูปของกลุ่มเจ้าหนี้ Troika ก็จะทำให้นายกรัฐมนตรีของกรีซจะหันหน้าเข้าเจรจากับ Troika เพื่อยอมรับกับเงื่อนไขเงินช่วยเหลือ ซึ่งถือเป็นผลกระทบเชิงบวก แต่ปัญหาหนี้กรีซก็อาจจะยืดเยื้อหากรัฐบาลจะประกาศลาออกด้วยซึ่งจะทำให้การเมืองกรีซจะเข้าภาวะสูญญากาศอีกครั้ง
ขณะที่หากผลประชามติส่วนใหญ่โหวต"No" ก็จะเป็นเชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก เพราะนายกรัฐมนตรีกรีซก็จะนำประชามติดังกล่าวไปเจรจากับเจ้าหนี้ซึ่งจะทำให้มีความยืดเยื้อ และนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ต่อธนาคารกลางยุโรป(ECB) มูลค่า 3.5 พันล้านยูโรในวันที่ 20 ก.ค.นี้มากขึ้น
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายในสัปดาห์หน้า มองว่าแม้จะต้องจับตาผลการลงประชามติของกรีซ แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อภาพรวมของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติมีการลงทุนในหุ้นไทยไม่มากนัก แม้เมื่อวานนี้จะมีการขายสุทธิออกมากว่า 4 พันล้านบาท แต่ก็เป็นการขายเฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มธนาคารเท่านั้น ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศน่าจะมีอิทธิพลต่อการลงทุนมากกว่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจของไทยยังออกมาไม่ดีนัก ดังนั้น คาดว่าไม่ว่าผลการลงประชามติของกรีซจะออกมาในทิศทางใดก็เชื่อว่าดัชนีที่ระดับ 1,480 จะรองรับได้ ขณะที่มองแนวต้านจะอยู่ที่ระดับ 1,510 จุด