TGPRO พุ่ง 9.38% ผู้บริหารไม่รู้เหตุ คาดสรุปลงทุนโซลาร์ฟาร์มหรือไม่Q4

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 9, 2015 12:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น TGPRO ราคาพุ่งขึ้น 9.38% มาอยู่ที่ 0.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท มูลค่าซื้อขาย 173.37 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.15 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.36 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.37 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.34 บาท

นายอภินันท์ รัชฏสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยเยอรมัน โปรดักส์ (TGPRO) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัมยังไม่ทราบสาเหตุที่หุ้น TGPRO ปรับขึ้นมาแรงในการซื้อขายภาคเช้าวันนี้ แต่บริษัทประเมินว่าอาจมีกลุ่มนักลงทุนเก็งเรื่องการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มของบริษัทที่อยู่ระหว่างการศึกษา

"ผมก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าหุ้น TGPRO ขึ้นเพราะอะไร ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านักลงทุนจะไปเก็งเรื่องการที่บริษัทจะลงทุนโซลาร์ฟาร์มหรือเปล่า ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ที่จะทำโซลาร์ฟาร์ม-โซลาร์รูฟ 20 เมกกะวัตต์ เรายังไม่มีความชัดเจนว่าจะทำนะ"นายอภินันท์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทยังคงศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการดังกล่าวร่วมกับที่ปรึกษา คาดว่าในช่วงไตรมาส 4/58 จะมีความชัดเจนว่าบริษัทจะลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มหรือไม่ ซึ่งการที่บริษัทสนใจการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังานทดแทน เนื่องจากบริษัทเห็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่เป็นรายได้ประจำ(recurring income)

"ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับที่ปรึกษาอยู่ ถ้าอย่างเร็วคงตัดสินใจได้ในไตรมาส 4 นี้ว่าจะทำหรือไม่ทำ...น่าสนใจ เพราะรายได้ที่เข้ามาเป็นรายได้ประจำให้กับบริษัท เราจะได้มีรายได้ตรงนี้มาเสริม ที่ผ่านมาก็มีคนมาเสนอขายใบอนุญาต แต่เรายังไม่ซื้อ เพราะเราขอศึกษาก่อนว่าคุ้มหรือไม่ อีกทั้งเงื่อนไขและกฏเกณฑ์ต่างๆมันก็เยอะด้วย"นายอภินันท์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะมีกำไรต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 23.08 ล้านบาท แม้ว่าในไตรมาส 1/58 มีผลขาดทุน 11.52 ล้านบาท โดยผลงานในปีนี้ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากการที่บริษัทขยายตลาดไปสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มยอดขายในประเทศ

นายอภินันท์ กล่าวว่า สาเหตุที่ไตรมาสแรกของปีนี้มีผลขาดทุน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสินค้าเหล็กและสเตนเลสจากจีนเข้ามาทุ่มตลาด แต่ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการร่วมมือกับทางหน่วยงานของภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหาและใช้มาตรการการตอบโต้การทุ่มตลาด คาดว่าในเร็วๆนี้จะมีผลสำเร็จออกมา ซึ่งจะช่วยผู้ประกอบการในประเทศให้กลับมาฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้

"ตอนนี้เราก็รอผล แต่เราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถชนะได้ เพราะว่าภาครัฐก็ต้องการช่วยพวกเราที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด คือที่ผ่านมาเราขายแทบไม่ได้เลย เพราะราคาแผ่นเหล็กและสเตนเลสจากจีนราคาต่ำกว่า เราสู้ราคาไม่ไหว ทำให้การนำเข้าเหล็กจากจีนในช่วงที่ผ่านมาเยอะมาก เราก็ไปคุยกับกระทรวงให้ช่วยเหลือและส่งฟ้องไป เพราะหากเป็นแบบนี้เราก็จะอยู่ไม่ได้ เดี่ยวสัปดาห์หน้าก็ไปคุยกับกระทรวงอีก อีกไม่นานก็น่าจะทราบผล และหากฟ้องชนะก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการในประเทศมีการฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง รวมถึงตัวบริษัทเราเองด้วย"นายอภินันท์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าหากมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดจากจีนมีผลสำเร็จในช่วงครึ่งปหลัง ประกอบกับการขยายตลาดใหม่สู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้แนวโน้มผลกการดำเนินงานในครึ่งปีหลังทั้งรายได้และกำไรสุทธิออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 58 เติบโต 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.45 พันล้านบาท ปัจจัยที่ทำให้รายได้ในปีนี้เติบโตมาจากสัดส่วนยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปีก่อนอยู่ที่ 21%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ