PTT คาดธุรกิจน้ำมันปีนี้รายได้-กำไรโตล็กน้อย,ศึกษาแยกธุรกิจน้ำมัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 10, 2015 13:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ.ปตท.(PTT) คาดว่าธุรกิจน้ำมันปีนี้จะมีรายได้-กำไรดีขึ้นกว่าปีก่อนเล็กน้อย หลังคาดว่าปีนี้จะไม่ได้รับผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเหมือนในปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับกว่า 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเมื่อสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่กว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะเดียวกันยังเดินหน้าศึกษาแยกธุรกิจน้ำมันออกจากกลุ่ม ปตท.มูลค่าเป็นแสนล้านบาทเพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น
"ปีนี้ธุรกิจน้ำมันไม่น่าจะได้รับผลกระทบจาก stock loss ปีที่แล้วเรารับผลกระทบเยอะ ปีนี้ก็คงกลับข้างกันเล็กน้อย ปีที่แล้วราคาน้ำมันปิด 50 เหรียญต้นๆ ปีนี้อยู่ที่ 60 เหรียญ ก็กลับเข้ากันนิดหน่อย รายได้และกำไรก็น่าจะดีกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย"นายสรัญ กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 57 ธุรกิจน้ำมันของ ปตท.มียอดขายราว 6.38 แสนล้านบาท จากยอดขายรวมของ ปตท.ที่ 2.8 ล้านล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย(EBITDA)ราว 1.16 หมื่นล้านบาท จาก EBITDA รวมของ ปตท.ที่ 2.51 แสนล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจน้ำมันของปตท. ดำเนินธุรกิจหลักในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ,ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) และผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ครอบคลุมการตลาดค้าปลีก ,การตลาดพาณิชย์ ,การจัดหาและจัดส่งปิโตรเลียม ,การบริหารและการปฏิบัติการคลัง,การลงทุนในต่างประเทศ เป็นต้น

นายสรัญ กล่าวว่า ปตท.ยังคงเดินหน้าศึกษาเพื่อแยกธุรกิจกลุ่มน้ำมัน เพื่อให้มีความชัดเจนและเตรียมพร้อมทางเลือกต่างๆที่เหมาะสมในอนาคต โดยก่อนหน้าศึกษาแยกเฉพาะธุรกิจนอนออยล์ หรือ ธุรกิจนอนออยล์และค้าปลีก หรือ รวมธุรกิจคลัง LPG เข้าไปด้วย

แต่เบื้องต้นเห็นว่าควรจะแยกธุรกิจน้ำมันออกมาทั้งหมดมูลค่าเป็นแสนล้านบาท น่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวมมากกว่า ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ที่สูง และธุรกิจที่มีความเกื้อกูลกันทั้งนอนออยล์และน้ำมัน ซึ่งจะทำให้เกิดการประสานประโยชน์ร่วมกัน(synergy) ได้ดีกว่า แต่บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่จะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อใด แต่เป็นการเตรียมความพร้อมหากมีความเหมาะสมในอนาคต

"เรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างศึกษาความเหมาะสมความเป็นไปได้ที่จะแยกธุรกิจออกไปเป็นธุรกิจน้ำมันทั้งหมด แต่ต้องมาดูหลายมิติ ดูความเห็น ผลกระทบที่มีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกด้าน...เป็นการเตรียมความพร้อมถ้ามีความเหมาะสม เบื้องต้นการแยกทั้งธุรกิจน้ำมันจะเป็นผลดีโดยรวม ด้วยมูลค่าของ asset สูงกว่าการแยกเป็นชิ้นส่วน ซึ่งก็จะสามารถเกื้อกูลกันได้ทั้งนอนออยล์ และออยล์"นายสรัญ กล่าว

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการ PTT ระบุว่า ปตท.อยู่ระหว่างศึกษาการนำธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตดี ขณะที่นายสรัญ เห็นว่าการแยกธุรกิจจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการถูกโจมตีว่าธุรกิจปตท.ใหญ่เกินไป จนทำให้เกิดการผูกขาด

ด้านนายชวลิต พันธ์ทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน PTT กล่าวว่า สำหรับการลดปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปตามกฎหมายเหลือระดับ 1% จาก 6% ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ อาจไม่ได้ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันปรับลดลงเท่าที่เคยคาดไว้ที่ 8-9 สตางค์/ลิตร เนื่องจาก ปตท.ยังคงต้องสำรองน้ำมันเก็บไว้ในสต็อกราว 3-4% ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อเป็นสต็อกใช้ในการดำเนินงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ