นายวิบูลย์ คาดว่ารายได้จากการขายที่ดินปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 5,348 ล้านบาท ขณะที่ยังคงเป้าหมายยอดขายที่ดินปีนี้จะทรงตัวที่ราว 1,000 ไร่ เนื่องจากสัดส่วนการขายที่ดินจะมาจากนิคมฯอมตะซิตี้มากกว่า 60% มีราคาขายอยู่ที่กว่า 3 ล้านบาท/ไร่ เมื่อเทียบกับราคาขายที่ดินนิคมฯอมตะนคร ที่มีราคาอยู่ที่กว่า 7 ล้านบาท/ไร่ แต่ในส่วนของกำไรจากการขายที่ดินเชื่อว่าจะทำได้สูงกว่าปีก่อน เพราะการขายที่ดินในนิคมฯอมตะซิตี้ มีอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 50%
"ปีนี้รายได้จากการขายที่ดินของเราอาจจะต่ำกว่าปีก่อน เพราะในเป้าหมายการขายที่ดิน 1,000 ไร่นั้น มีส่วนของอมตะซิตี้กว่า 60% ซึ่งมีราคาขายที่ไม่สูงนัก แต่มาร์จิ้นของอมตะซิตี้สูงกว่า ทำให้กำไรสุทธิปีนี้มากกว่าปีก่อนแน่นอน นอกจากนี้เราก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าหากสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจน และสงบลง ยอดขายที่ดินในนิคมฯของเราก็จะกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง เพราะประเทศไทยยังถือว่าเป็นศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มีความได้เปรียบด้านที่ตั้ง ใครที่จะเข้ามาลงทุนใน AEC ก็ต้องมองเราก่อนอยู่แล้ว"นายวิบูลย์ กล่าวสำหรับความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจีนที่อาจชะลอตัวนั้น นายวิบูลย์ กล่าวว่า บริษัทไม่ได้มีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่าภาครัฐของจีนมีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จจะสามารถดูแลสถานการณ์ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่นักลงทุนจากจีนเริ่มเข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง