"บูรพาเทคนิคอลฯ"ตั้ง"ฟินเน็กซ์"เป็น FA ยื่นไฟลิ่ง ส.ค.หวังเข้าเทรดต้นปี 59

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 17, 2015 10:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไรวินท์ เลขวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บูรพาเทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง และ บริษัท ในเครือ Eastern Group เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเตรียมความพร้อมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ในเดือน ส.ค.58 นี้ โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน(FA)และจะสามารถทำการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ในต้นปี 59

ขณะนี้บริษัทมีแผนจะใช้งบในไตรมาส 3/58 ยื่นไฟลิ่ง โดยใช้ทุนจดทะเบียน 135 ล้านบาท และคาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) 0.25 บาทต่อหุ้น แต่อาจมีการปรับพาร์อีกครั้งก่อนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 20% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเพิ่มทุน

สำหรับการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อใช้ต่อยอดธุรกิจในอนาคต และมีแนวโน้มในการลงทุนธุรกิจใหม่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน เนื่องจากให้ผลตอบแทนด้านการลงทุนที่น่าสนใจ อีกทั้งยังถือเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง ปัจจุบันบริษัทอยู่ในขั้นตอนการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม แต่คงต้องรอให้บริษัททำการเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยก่อน

นายไรวินท์ กล่าวว่า บริษัทสนใจทั้งการตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์ฟาร์ม) และโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งมีความพร้อมทั้งการเข้าร่วมทุนกับผู้ประกอบการรายอื่น และลงทุนด้วยตัวเอง โดยขณะนี้มีผู้ที่สนใจให้บริษัทเข้าไปร่วมทุนได้ยื่นข้อเสนอมาบ้างแล้ว และบริษัทก็มีแผนจะยื่นประมูลโครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์และหน่วยงานราชการที่ภาครัฐจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจำนวน 800 เมกะวัตต์ แต่คงต่องรอความชัดเจนของข้อกำหนดเกี่ยวกับพื้นที่ตั้งโครงการและสายส่งก่อน

ปัจจุบัน บริษัท บูรพาเทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง และบริษัทในเครือ Eastern Group ดำเนินธุรกิจด้านงานวางระบบสาธารณูปโภค งานติดตั้งเสาส่งสัญญาณ ระบบโทรคมนาคม และธุรกิจจัดการงานด้านบุคลากร โครงสร้างธุรกิจแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มระบบไฟฟ้าแรงสูง งานวางระบบไฟฟ้าให้กับภาครัฐและเอกชน ในสัดส่วน 60 ต่อ 40 ซึ่งเป็นการเข้าไปประมูลงานโครงการต่างๆ แต่ละปีมีมูลค่างานรวมกว่า 3 พันล้านบาท

“ล่าสุด บริษัทฯ ได้ชนะการประมูลจัดจ้างงานและได้ลงนามสัญญาการปรับปรุงสายไฟฟ้าแรงสูงใต้ดินมูลค่ากว่า 27 ล้านบาทของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ" นายไรวินท์ กล่าว

2.กลุ่มสื่อสาร เป็นการเข้าไปลงทุนระบบโครงสร้างโทรคมนาคมให้แก่ภาคเอกชน โดยบริษัทกำลังขยายงานเพื่อรองรับงานที่จะเพิ่มเข้ามาในช่วงปลายปีนี้ จากการขยายตัวของโครงการระบบ 4G

และ 3.กลุ่มบริการด้านการจัดการแรงงานเอาต์ซอร์สให้แก่หน่วยงานภาครัฐต่างๆ โดยมีพนักงานจำนวน 6 พันคน ซึ่งมีลูกค้าเป็นหน่วยงานรัฐรวม 45 หน่วยงาน ซึ่งมีหลากหลายบริการ ได้แก่ แรงงานก่อสร้าง พนักงานขับรถ พนักงานธุรการ พนักงานต้อนรับ พนักงานหน้าเค้าท์เตอร์ วิศวกร เป็นต้น และเร็วๆ นี้กำลังจะเข้าประกวดราคาในกลุ่มงานเอาต์ซอร์สอีกประมาณ 4 พันล้านบาท คาดหวังว่าจะได้งานไม่ต่ำกว่า 30-40%

"ในธุรกิจเอาต์ซอร์สเราสามารถสร้างธุรกิจได้เอง ยังมีช่องทางและมีโอกาสอีกมาก เราถนัดธุรกิจเซอร์วิสเป็นหลัก"นายไรวินท์ กล่าว

นายไรวินทร์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปี 58 จะทำรายได้ราว 1,500-1,600 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 1,200 ล้านบาท หรือเติบโตราว 20-30% และบริษัทคาดว่าจะรักษาระดับการเติบโตเช่นนี้ในช่วงต่อไป โครงสร้างรายได้มาจาก 3 กลุ่มธุรกิจในสัดส่วน 25:25:50 ขณะที่กำไรสุทธิก็จะเติบโตเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในปีนี้ผลประกอบการน่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังปีก่อนปรับลดลงไปในช่วงจัดโครงสร้างบริษัทเพื่อเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้มีกำไรแล้ว 15 ล้านบาท และไตรมาส 2/58 เพิ่มเป็น 27 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 7-8%

"บริษัทรับรู้รายได้รวมสองไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่เกือบ 800 ล้านบาทแล้ว จึงมั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรสุทธิและยอดรายได้เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน และยังทำให้รายได้ของบริษัทรักษาระดับการเติบโตแบบขั้นบันไดได้อย่างต่อเนื่อง"นายไรวินท์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ