นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (
ก.ล.ต.) กล่าวว่า
ก.ล.ต. จะเดินหน้าแผนการส่งเสริมให้เกิด
ระบบนิเวศในการจัดทำรายงานทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งคณะกรรมการ
ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบแล้ว โดยแผนนี้จะผลักดันคุณภาพของระบบรายงานทางการเงินตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยให้ความสำคัญตั้งแต่ผู้จัดทำงบการเงิน ได้แก่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้าน
บัญชีและการเงิน (CFO) สมุห์
บัญชี และพนักงานฝ่าย
บัญชี ซึ่งเป็นผู้จัดทำ
บัญชีต้นทาง โดยจะสร้างกลไกผ่านการกำหนดคุณสมบัติและความรับผิดชอบของผู้จัดทำงบการเงิน จัดช่องทางการสื่อสารความคาดหวัง ภาระหน้าที่ผ่านหลักสูตรอบรมและสัมมนา การประสานงานและพิจารณาปัญหาทาง
บัญชีร่วมกันระหว่าง
ก.ล.ต. และสภาวิชาชีพ
บัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมทั้งสื่อสารความคาดหวังของ
ก.ล.ต.อย่างชัดเจนผ่านหลายช่องทางในลักษณะเชิงรุกกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสมดุลในระบบและวางรากฐานที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่จำกัดความสำคัญเฉพาะกับการกำกับดูแลการทำงานของผู้สอบ
บัญชีและสำนักงานสอบ
บัญชีอย่างเข้มงวดซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้พัฒนาให้มีจำนวนผู้สอบบัญชีในตลาดทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดทุนไทย นอกจากโครงการพัฒนาคุณภาพผู้สอบบัญชีตลาดทุน ที่ ก.ล.ต. จัดร่วมกับสภาวิชาชีพบัญชีฯ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว ก.ล.ต. ยังได้ปรับปรุงกระบวนการทำงานและเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบผู้สอบบัญชีให้เร็วขึ้น ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการให้ความเห็นชอบลงได้อย่างมีนัยสำคัญ และตั้งเป้าว่าจากปัจจุบันที่อัตราส่วนจำนวนบริษัทจดทะเบียนต่อจำนวนผู้สอบบัญชีในตลาดทุนของไทย เฉลี่ยอยู่ 4 บริษัทต่อผู้สอบบัญชี 1 ราย จะลดเหลือ 3 บริษัทต่อผู้สอบบัญชี 1 รายในปี 60 คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้สอบบัญชีร้อยละ 15 ต่อปี (30 รายต่อปี)
นอกจากนี้ จะให้สำนักงานสอบบัญชีกลั่นกรองคุณภาพผู้สอบบัญชีในสังกัดก่อนที่จะมายื่นคำขอกับ ก.ล.ต. เพื่อส่งเสริมให้สำนักงานสอบบัญชีมีส่วนรับผิดชอบดูแลคุณภาพกันเองภายในองค์กร
อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์:
[email protected]