(เพิ่มเติม) LHBANK เจรจาพันธมิตรเข้าเสริมเทรดไฟแนนซ์,คงเป้าสินเชื่อปีนี้โต 15-20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 23, 2015 14:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางศศิธร พงศธร(ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพันธมิตรจากเอเชียและยุโรปรายใหม่เข้ามาเจรจากับธนาคารเพิ่มอีก 2-3 ราย ซึ่งจะเข้ามาเสริมศักยภาพด้านเทรดไฟแนนซ์ ซึ่งธนาคารยังมีความเชี่ยวชาญไม่มากนัก โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเสนอแผนธุรกิจ และนโยบายที่จะทำร่วมกันในอนาคต

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาธนาคารได้มีการเตรียมพร้อมในการรับพันธมิตรใหม่ด้วยการกระจายพอร์ตสินเชื่อเพื่อไม่ให้กระจุกตัว จากเดิมธนาคารจะมีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยมากที่สุด

“พาร์ทเนอร์รายใหม่ที่เข้ามา 2-3 ราย รายเก่าก็ยังอยู่ 2-3 รายแต่เป็นเอเชีย แต่รายใหม่มียุโรปเพิ่มเข้ามา ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร และตอนไหน เพียงแต่ที่ผ่านมาเราทำกำไรได้ดีขึ้น ทำให้พาร์ทเนอร์สนใจเรามากขึ้นตามไปด้วย และการเข้ามาถือหุ้นของพาร์ทเนอร์นั้น ผู้ถือหุ้นเดิมจะลดสัดส่วนลงเพื่อเปิดทางให้พาร์ทเนอร์ใหม่เข้ามา และพาร์ทเนอร์ใหม่ที่เข้ามาก็ต้องใส่เงินทุนให้กับธนาคาร"นางศศิธร กล่าว

สำหรับสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่จะเข้ามานั้นจะถือหุ้นมากกว่า 25% แต่ไม่ถึง 49% ซึ่งโครงสร้างผู้ถือหุ้นปัจจุบัน มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย คือ บมจ.แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ (LH) ถืออยู่ที่ 4,485,253,517 หุ้น หรือคิดเป็น 33.98% และ บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH) ถืออยู่ที่ 2,816,321,976 หุ้น หรือคิดเป็น 21.34%

นางศศิธร กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์คงเป้าหมายอัตรการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่ 15-20% หลังในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมายังคงโตได้ตามเป้า แต่คาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 20-25% จาก 34.5% ในปีก่อน เนื่องจากมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ตั้งเป้ารักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ปีนี้ไว้ที่ 2% จากปีก่อนที่ 2.1-2.2% โดย NPL ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.97%

ในช่วงครึ่งปีแรกสินเชื่อรวมของธนาคารเติบโตแล้ว 10% และมั่นใจว่าครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย โดยจะเน้นขยายสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ธนาคารจะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยโครงสร้างสินเชื่อในปัจจุบัน เป็นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ราว 56% สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 25% และสินเชื่อเอสเอ็มอี 19%

อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังธนาคารจะมีการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มมากขึ้นจากปกติเดือนละ 50 ล้านบาท หรือไตรมาสละ 150 ล้านบาท เนื่องจากยังมีความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศ ประกอบกับ ลูกค้าของธนาคารผิดนัดชำระเพิ่มมากขึ้น ส่วนระดับ NPL ของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ 1.96% โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ในระดับ 2.1-2.2%

“เราก็ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจตอนนี้ไม่ดี และจะซึมลงต่อเนื่องไปอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งทำให้เราต้องทำธุรกิจด้วยความระมัดระวัง และตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติม โดยส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปีนี้ของเราลดลงเหลือ 20-25% จากปี 57 อยู่ที่ 34.5% ถึงแม้ว่าครึ่งปีแรกจะทำได้ 40% ก็ตาม"นางศศิธร กล่าว

นางศศิธร กล่าวอีกว่า จากการที่ธนาคารได้เสนอขายตราสารด้อยสิทธิเพื่อนับเป็นเงินกองทุนประเภทที่ 2 จำนวน 4 พันล้านบาทเมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเงินกองทุนนั้น ปัจจุบันเงินกองทุนอยู่ที่ 14.04% จากเดิมอยู่ที่ 12% โดยเงินกองทุนที่แข็งแกร่งจะสามารถรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ และช่วยให้ดำเนินธุรกิจในอนาคตได้อย่างมั่นคง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ