TLUXE ทุ่ม 600 ลบ.ลงทุนพลังงานทดแทน, คาดปีนี้พลิกกำไร-รายได้ 3 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 24, 2015 17:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุโรจน์ เสนีย์ประกรณ์ไกร ประธานกรรมการ บมจ.ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (TLUXE) กล่าวว่า บริษัทเตรียมเงินงบประมาณ 600 ล้านบาทสำหรับการลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปในช่วงครึ่งแรกปี 59 นอกจากนี้ยังมองหาธุรกิจอื่นอีก เช่น อสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจจากธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก แต่เนื่องจากปีที่แล้วประสบภาวะขาดทุนจากอาหารกุ้ง ทำให้ต้องเริ่มมองหาธุรกิจอื่น โดยใน 3 ปีข้างหน้าบริษัทต้องการเห็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเดิม คือการผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำและสัตว์เลี้ยง ราว 50% และรายได้จากธุรกิจใหม่ทั้งพลังงานทดแทน หรืออสังหาริมทรัพย์ อีก 50%

ขณะที่ผลประกอบการปีนี้คาดว่าจะพลิกมีกำไรสุทธิ และมีรายเติบโตมาที่ 3 พันล้านบาทตามเป้าหมาย แม้ในช่วงครึ่งแรกปีนี้จะมีรายได้เพียง 900 ล้านบาทก็ตาม แต่ยอดขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับมีรายได้จากการรับจ้างผลิต(OEM) อาหารสัตว์เลี้ยงราว 500 ล้านบาทด้วย ขณะที่ศึกษาแผนการลงทุนใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนด้วย โดยได้เตรียมงบลงทุน 600 ล้านบาทเพื่อลงทุนในธุรกิจดังกล่าวด้วย

"ผลประกอบการปีนี้จะดีขึ้น แม้ในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้ง และตลาดกุ้งยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/58 ยังคงดีมีกำไรต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยประมาณรายได้ครึ่งปีแรกไว้ที่ 900 ล้านบาท จึงมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีนี้จะได้ตามเป้าที่ 3 พันล้านบาท"นายอนุโรจน์ กล่าว

ปีที่แล้ว TLUXE มีผลขาดทุนสุทธิ 10.67 ล้านบาท และมีรายได้รวม 2.16 พันล้านบาท

นายอนุโรจน์ คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะกลับไปอยู่ในระดับที่สูงกว่าปี 56 ที่ทำได้กว่า 40 ล้านบาท โดยกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่มีฝนตกทำให้น้ำบริบูรณ์ ส่งผลให้สัตว์น้ำเติบโตเร็วและมีความต้องการอาหารสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับยังมีรายได้จากการรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงให้กับบมจ.นูทริกซ์ เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังจำนวน 500 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 20% ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์น้ำมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่า โดยปีนี้คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 16-17%

ขณะที่นูทริกซ์ ยังได้ว่าจ้างบริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง สำหรับปี 59 จำนวน 660 ล้านบาท และ 800 ล้านบาทในปี 60 รวมถึงได้ต่อยอดธุรกิจโดยร่วมมือกันจัดซื้อวัตถุดิบ ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบลดลงอย่างมีนัยสำคัญด้วย

นายอนุโรจน์ กล่าวว่า ปีนี้สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทจะมาจากอาหารสัตว์น้ำ ซึ่งประกอบด้วยอาหารกุ้ง และอาหารปลา 65-70% และอาหารสัตว์เลี้ยง ได้แก่ อาหารแมว และกบ สัดส่วน 25-30% โดยในช่วงที่ผ่านมาหลังจากอาหารกุ้งชะลอตัวในปี 55-57 บริษัทได้ปรับแผนธุรกิจโดยหันมารุกตลาดผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง เนื่องจากเห็นศักยภาพการเติบโตที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นทุกปี และยังมีการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงส่งออกไปยังมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ขณะที่บริษัทมีแนวนโยบายจะพัฒนากระบวนการผลิตที่โรงงานจ.เพชรบุรี และโรงงานใหม่จ.สงขลา ให้มีความสามารถรองรับการผลิตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทนี้ควบคู่ไปกับการผลิตอาหารปลาด้วย ซึงสามารถรองรับคำสั่งซื้อสินค้าได้เพิ่มขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายในระยะ 3 ปีข้างหน้าเฉลี่ย 15-20%

สำหรับในปีหน้าบริษัทคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตไปอยู่ที่ 4 พันล้านบาท หลังจากที่รับรู้กำลังการผลิตของโรงงานใหม่ที่จ.สงขลาเต็มปี โดยรายได้ในปีหน้าจะมาจากอาหารสัตว์น้ำ 3 พันล้านบาท และอาหารสัตว์เลี้ยง 1 พันล้านบาท

ส่วนแผนการลงทุนในปีหน้า คาดว่าจะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่แล้ว หลังจากที่ได้ลงทุนโรงงานที่จ.สงขลาเสร็จเรียบร้อยและเปิดดำเนินการแล้ว อย่างไรก็ตามหากจะมีการลงทุนก็ยังมีกระแสเงินสดอยู่ 400-500 ล้านบาท และมีวงเงินกู้กับธนาคารพาณิชย์เป็นระดับพันล้านบาทที่ยังไม่ได้ใช้ ประกอบกับบริษัทไม่มีภาระหนี้

ปัจจุบัน บริษัทมีโรงงานอาหารสัตว์ที่จ.เพชรบุรี มีกำลังการผลิตอาหารกุ้ง 6 หมื่นตัน/ปี และอาหารปลา 7.2 หมื่นตัน/ปี ขณะที่โรงงานอาหารสัตว์แห่งใหม่ที่จ.สงขลา มีกำลังการผลิตอาหารกุ้ง 6 หมื่นตัน/ปี และอาหารปลา 7.2 หมื่นตัน/ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ