ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดลบ 1.79 จุด วอลุ่มเบาบาง นักลงทุนรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 7, 2015 17:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,428.79 จุด ลดลง 1.79 จุด (-0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 24,672.75 ล้านบาท หลังจากเคลื่อนไหวในแดนบวกและลบสลับกันในกรอบแคบๆ นักวิเคราะห์ฯ ระบุว่ามูลค่าการซื้อขายที่เข้ามาในวันนี้ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐ ซึ่งจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะต่อไป รวมถึงยังรอดูการปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน หลังการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/58 ที่คาดว่าจะออกมาครบในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามตลาดยังคาดหวังเม็ดเงินลงทุนจากทริกเกอร์ฟันด์ ที่คาดว่าจะเข้ามาในสัปดาห์หน้าด้วย ทำให้มองว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีสัปดาห์หน้าจะมีแนวรับบริเวณ 1,428 และ 1,419 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,440

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,428.79 จุด ลดลง 1.79 จุด (-0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 24,672.75 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,433.15 จุด และทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,426.95 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 369 หลักทรัพย์ ลดลง 431 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 323 หลักทรัพย์

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต กล่าวว่า บรรยากาศซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนรอดูตัวเลขข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐในคืนนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบ่งชี้ถึงทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดยตลาดรับรู้ตัวเลขการจ้างงานฯดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง หากตัวเลขออกมาสูงกว่าที่คาดไว้ก็จะทำให้ตลาดมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และจะทำให้ตลาดยังคงเผชิญกับแรงขายของต่างชาติต่อไป

แต่หากตัวเลขการจ้างงานฯดังกล่าวน้อยกว่าที่คาด ก็จะทำให้ความกังวลว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ลดลงไป และจะทำให้ตลาดตอบรับในเชิงบวก

อย่างไรก็ตามในภาพใหญ่แล้วตลาดยังคงรับรู้ว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเห็นได้จากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาความเสี่ยงต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ Dollar Index แข็งค่าขึ้น 20% และสินค้าโภคภัณฑ์ ลดลง 37% ขณะที่ตลาด Develop Markets ปรับตัวขึ้น แต่ Emerging Markets กลับร่วงลง โดยทิศทางยังคงมีเม็ดเงินไหลกลับไปยัง Develop Markets

"ทิศทางตลาดขึ้นกับการคาดการณ์จังหวะเวลาขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ถ้ากลัวมากขึ้น เร็วขึ้น ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น ก็จะกดตลาด commodity , Emerging Markets"นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังคงได้ปัจจัยหนุนจากทริกเกอร์ฟันด์ ที่เริ่มทยอยออกมา ซึ่งคาดว่าจะน่าจะเริ่มเข้าตลาดได้ในช่วงสัปดาห์หน้า หลังจากที่มีการเสนอขาย 2 กองทุน มูลค่ารวมราว 2 พันล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมีความคืบหน้าเรื่องการเปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ ทำให้มีความคาดหวังว่าจะมีความคืบหน้าเรื่องการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐออกมาอีกในอนาคต ทำให้หุ้นในกลุ่มรับเหมาค่อนข้างแข็งกว่าภาพตลาดรวมในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในไตรมาส 2/58 น่าจะทยอยออกมาครบในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งหลังจากนี้คงต้องติดตามดูว่าจะมีการปรับเปลี่ยนประมาณการกำไรของบจ.อย่างไร แต่เบื้องต้นเห็นว่ามีแนวโน้มที่ลดลง

ส่วนแนวโน้มการซื้อขายในสัปดาห์หน้า คาดว่าดัชนีจะมีแนวรับบริเวณ 1,428 และ 1,419 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,440 จุด โดยต้องติดตามตัวเลขข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ที่จะออกมาในคืนนี้เป็นสำคัญ

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,467.30 ล้านบาท ปิดที่ 241.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

          AJD        มูลค่าการซื้อขาย 1,219.18 ล้านบาท ปิดที่    1.36 บาท  เพิ่มขึ้น 0.08 บาท
          PTT        มูลค่าการซื้อขาย   842.66 ล้านบาท ปิดที่  315.00 บาท  ลดลง  1.00 บาท
          SCB        มูลค่าการซื้อขาย   752.95 ล้านบาท ปิดที่  148.00 บาท  ลดลง  1.50 บาท
          ASEFA      มูลค่าการซื้อขาย   687.55 ล้านบาท ปิดที่    5.65 บาท  เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ