DRT เผย H2/58 เน้นตลาด CLMV-ด้านใน ปท.คาดกำลังซื้อฟื้นภัยแล้งคลี่คลาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 10, 2015 10:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร(DRT) เปิดเผยถึง แผนงานในครึ่งปีหลังบริษัทยังให้น้ำหนักการทำตลาดต่างประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม)ที่ยังมีความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น คาดว่าสิ้นปีนี้สัดส่วนยอดขายตลาดส่งออกจะเพิ่มเป็น 15% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น บริษัทยังมุ่งการบริหารจัดการด้านการขายสินค้าในรูปแบบ Product Mix เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี รวมถึงการทำกิจกรรมด้านการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์สินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มองตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังภาครัฐมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนกล้าจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ภัยแล้งที่คลี่คลายไปในทางที่ดี ทำให้เกษตรกรมีรายได้จากพืชผลทางการเกษตรที่ดีขึ้น พร้อมใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างไปปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ทำให้ตลาดวัสดุก่อสร้างในกลุ่มซ่อมแซมจะกลับมาคึกคักมากขึ้น จึงมั่นใจว่าภาพรวมรายได้ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 2/58 (เมษายน-มิถุนายน) สามารถทำให้เติบโตเกินคาดหมาย โดยเฉพาะตัวเลขกำไรสุทธิที่ทำได้ 109.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.50% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 95.39 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 5.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการด้านช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความหลากหลายของสินค้าตราเพชรที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จการทำตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ส่งผลให้ไตรมาสที่ 2 ปีนี้สามารถทำรายได้รวม 1,136.93 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมรายได้รวมงวด 6 เดือนแรก(มกราคม-มิถุนายน)ของปีนี้ ทำได้ 2,316.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,311.93 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 204.61 ล้านบาท

บริษัทพอใจกับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ที่สามารถผลักดันการเติบโตของกำไรสุทธิได้ดี เนื่องจากโดยปกติผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 จะต่ำกว่าในไตรมาส 1 แต่ปีนี้ บริษัทมีการปรับแผนกลยุทธ์ให้มีความยืดหยุ่น ทั้งด้านการตลาด การสร้างแบรนด์สินค้าและการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้มีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ รวมถึงบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไตรมาส 2 ปีนี้มีการเติบโตเป็นไปอย่างดี แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในช่วงชะลอตัวจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น และมั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถทำรายได้ให้เติบโตจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 4% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมุ่งรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรไว้ที่ 80% ของกำลังการผลิตรวมที่มี 982,000 ตัน เพื่อผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการของตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ