(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตปท.เหตุกังวลศก.จีน-ราคาน้ำมันปรับลง

นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติก็ยังมีทิศทางการขายอยู่อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น รวมถึงตลาดหลักทรัพย์อาจจะเลื่อนจัดงานไทยแลนด์โฟกัสออกไป ทำให้ปัจจัยกระตุ้นของตลาดฯหายไปด้วย

อย่างไรก็ดี มองว่าตลาดฯคงจะปรับตัวลงในกรอบจำกัด เนื่องจากยังมีความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากที่ได้มีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่แล้ว และก็ยังคาดหวังเม็ดเงินจากทริกเกอร์ฟันด์ที่เปิดขายกองใหม่มาช่วยหนุนด้วย อย่างไรก็ตาม โดยรวมนักลงทุนคงจะยังชะลอการลงทุนอยู่

พร้อมให้แนวรับ 1,362-1,370 จุด ส่วนแนวต้าน 1,382-1,387 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(19 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,348.73 จุด ร่วงลง 162.61 จุด(-0.93%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,019.05 จุด ลดลง 40.30 จุด(-0.80%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,079.61 จุด ลดลง 17.31 จุด(-0.83%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 28.37 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 193.98 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 39.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 13.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 9.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 17.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 7.93 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(19 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,379.12 จุด เพิ่มขึ้น 6.51 จุด (+0.47%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,527.41 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ส.ค.58
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(19 ส.ค.58) ปิดที่ 40.8 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.82 ดอลลาร์
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(19 ส.ค.58)ที่ 6.01 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเช้านี้เปิด 35.54 แข็งค่าเล็กน้อยหลังดอลล์อ่อน ตลาดยังจับตาสถานการณ์ในปท.
• ภาคเอกชนขานรับทีมเศรฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่าได้เห็นโผรายชื่อทีมเศรษฐกิจใหม่ที่ออกมาแล้ว เช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่จะมากำกับดูแลด้านเศรษฐกิจ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ที่จะเข้ามาเป็น รมว.คลัง ก็หวังว่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน และเห็นว่าทีมเศรษฐกิจควรมีมาตรการเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของภาคประชาชนกลับคืนมาโดยเร็ว
• บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โชว์ผลงานไตรมาส 2/58 กำไร สุทธิ 213,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.65% แม้มียอดขายลดลงจากผลกระทบ ด้านราคาน้ำมัน แต่สามารถบริหารต้นทุนได้ดีมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 23.18% ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปีกำไรสุทธิรวม 442,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.81%
• คลังประเมินเบื้องต้นเหตุระเบิดราชประสงค์ส่อฉุดยอดรายได้ท่องเที่ยวลดลง 10% คาดตลาดซึม 2-3 เดือน คงตัวเลขไว้ที่ 3% รอดูความชัดเจน ด้านกระทรวงท่องเที่ยวฯ เร่งสร้างความมั่นใจให้จีนเที่ยวเมืองไทยปลอดภัย ทิก้าเผยงานประชุมศัลยแพทย์โลกไม่ล่ม หวังใช้เป็นโชว์เคสดึงความเชื่อมั่น

*หุ้นเด่นวันนี้

• วันนี้ หุ้น SCC เปลี่ยนแปลงหน่วยการซื้อขายจากเดิม 100 หุ้น เป็น 50 หุ้น เนื่องจากมีราคาปิดสูงกว่า 500 บาทเป็นเวลา 6 เดือนติดต่อกัน
• TASCO(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 30 บาท มี Sentiment เชิงบวกหลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี ส่งผลให้ Spread Margin ธุรกิจยางมะตอยทรงตัวสูงต่อเนื่องใน 2H58 ผลักดันผลงาน 3Q58 ดีต่อ คาดปริมาณขายใน 3Q58 ที่ 6.3-6.4 แสนต้นใกล้เคียงกับ 2Q58 ที่ 6.6 แสนตัน และ 4Q58 มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น qoq ช่วง High Season ส่งออก พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 58 เติบโต +278% yoy เป็น 4.6 พันล้านบาท และยังมี Valuation ที่ไม่แพง
• ADVANC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"สะสม"เป้า 290 บาท คงมองบวกต่อหุ้นกลุ่มสื่อสาร 2H58 และมีปัจจัยบวกรออยู่ คาด กสทช.จะประกาศร่างประมูล 4G ในราชกิจจาฯ 26 ส.ค.และสร้างความมั่นใจว่าการประมูลจะเป็นไปตามกำหนดใน พ.ย.58 โดย ADVANC มีความพร้อมสูงสุดจากฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง คาดจะชนะการประมูลคลื่น 900MHz และ 1800 MHz อย่างละ 1 ใบ พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 58 เติบโต +8.6% yoy เป็น 39,113 ล้านบาท
• TRUE (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 11 บาท ราคาหุ้นปรับลง 12% MTD ทำให้ upside กว้างขึ้น และมีมุมมองบวกมากขึ้นกับแนวโน้มผลงานในอนาคต ต้นทุนบริการ ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายอื่นน่าจะลดลงเพราะลงทุนในโครงข่ายหลักไปแล้ว รายได้เพิ่มต่อเนื่องจากที่เคยมีส่วนแบ่ง 16.3% ของตลาดใน 2Q14 เป็น 18.8% ใน 2Q15 เพราะคุณภาพโครงข่ายดีขึ้น นอกจากนี้ TUREIF มีโอกาสเติบโตหาก TRUE เจรจากับ TOT ให้ขายสินทรัพย์ที่จะได้จาก ADVANC เข้า TRUEIF สำเร็จ
• EPCO(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 7.35 บาท คงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่คาดโต 17% Y-Y แต่ปรับกำไรสุทธิปี 2016 ลง 42% เหลือ 385 ล้านบาท +48% Y-Y จากแนวโน้มการเลื่อนจ่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่นที่มีใบอนุญาตแล้ว 23MW จากปีนี้เป็นครึ่งปีหลังของปี 2016 จากความล่าช้าของการลากสายส่ง ทั้งนี้ ปัจจุบันมี PE เพียง 17 เท่า (ไม่รวมโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทตั้งแต่ปี 2012 ที่หันมาทำโรงไฟฟ้าที่ 23 เท่า
• KTC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 116 บาท คาดกำไร 3Q15 จะกลับมาแข็งแกร่ง +20% Q-Q, +11% Y-Y จากการตั้งสำรองฯลดลง เพราะคุม NPL ให้อยู่ในระดับต่ำ และมีอัตราการกันสำรองสูงเกือบ 400% การขยายตัวทั้งปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรและสินเชื่อส่วนบุคคลสูงกว่าอุตสาหกรรมใน 1H15 จะส่งผลดีต่อเนื่องไปใน 2H15 นอกจากนี้ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้นเพราะการออกหุ้นกู้ดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน 4% ในช่วงที่ผ่านมา เรายังคงคาดกำไรปีนี้ +14% Y-Y ปีหน้า +9% Y-Y