(เพิ่มเติม) CNT มั่นใจปีนี้พลิกกำไรแม้รายได้ต่ำกว่าปีก่อน,ซื้อกิจการใหม่สรุป Q4/58

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 1, 2015 15:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.คริสเตียนีและนีลเส็น(ไทย)(CNT) มั่นใจปีนี้พลิกมีกำไร หลังผ่านจุดต่ำสุดในปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิราว 350 ล้านบาท แม้เป้าหมายรายได้ที่ระดับ 7 พันล้านบาทในปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากงานภาครัฐที่ล่าช้า อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีงานในมือ(Backlog) อยู่ 6.3 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 3 พันล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทก็จะยังเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐเพิ่มเติม รวมถึงจะเริ่มรับงานโครงการคอนโดมิเนียมเข้ามาในปี 59 ด้วย เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจากงานภาครัฐ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการใหม่ต่อยอดจากธุรกิจเดิม โดยคาดว่าจะสรุปได้ภายในไตรมาส 4/58

นายสุรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ CNT คาดว่าปีนี้จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ หลังจากในครึ่งปีแรกมีกำไรแล้ว 7.95 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเน้นเลือกรับงานที่มีความเชี่ยวชาญและให้อัตรากำไรขั้นต้นที่ดี โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะอยู่ที่ 4-5%

แต่ในส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 7 พันล้านบาท ลดลงจาก 9.44 พันล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากงานภาครัฐชะลอตัว โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมืออยู่ที่ 6.33 พันล้านบาท จะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 3 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 59 ขณะที่บริษัทก็อยู่ระหว่างรอเข้าประมูลงานเพิ่ม โดยเฉพาะงานเมกะโปรเจคภาครัฐ ซึ่งจะเข้าร่วมประมูลในส่วนงานรถไฟฟ้า และรถไฟทางคู่ โดยวางรูปแบบการเข้าประมูลงานใน 3 แนวทาง คือ จะร่วมกับพันธมิตรเข้าไปลงทุน และหากไม่สามารถประมูลงานได้ก็จะปรับตัวเป็นซับคอนแทรก เพื่อรับงานอีกทีหนึ่ง รวมถึงจะหันมารับงานภาคเอกชนเป็นหลัก

"ในครึ่งปีแรกเราจะเห็นว่ากราฟมันเริ่มฟื้นตัวขึ้น และเริ่มมีกำไรมาแล้ว 2 ไตรมาส และถ้าไม่มีอะไรติดขัดก็เชื่อว่าไตรมาส 3/58 ถึง ไตรมาส 4/58 ก็น่าจะมีกำไรต่อเนื่องติดกัน คาดว่าจะส่งผลทำให้ปีนี้จะสามารถพลิกกับมามีกำไรได้ แต่อาจจะไม่ได้มากนัก ส่วนแผนกลยุทธ์ครึ่งปีหลังนี้ถ้ายังไม่มีอะไรออกมาจากภาครัฐ ธุรกิจของเราก็น่าจะไม่ต่างไปจากครึ่งปีแรก ก็จะประคับประคองไปก่อน แต่ถ้ามีเมกะโปรเจคออกมา ก็จะทำให้ภาพรวมของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานภาครัฐทั้งหลายเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่มีการแข่งขันกันสูง ก็จะลดภาพของความแข่งขันลงได้บ้าง"นายสุรศักดิ์ กล่าว

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทฯยังมองโอกาสที่จะเข้าไปรับงานก่อสร้างคอนโดมิเนียม ให้กับภาคเอกชนอีกด้วย เพื่อกระจายความเสี่ยงจากงานภาครัฐ ที่ยังออกมาไม่มากนัก ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียม ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้บริษัทฯอาจจะไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการก่อสร้างคอนโดฯมากนัก แต่ก็ต้องเข้าไปร่วมประมูลเพื่อให้ได้งาน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำราคาเพื่อเสนอต่อผู้ประกอบการใน 2-3 โครงการ ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปี 59

สำหรับเงินลงทุนในปีนี้บริษัทฯวางไว้ราว 300 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อเครื่องจักรใหม่ โดยที่ผ่านมาใช้ไปแล้ว 200 ล้านบาท พร้อมทั้งมีแผนซื้อกิจการเพื่อที่จะเข้ามาต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในอนาคต คาดว่าไตรมาส 4/58 ก็จะสามารถสรุปความชัดเจนได้ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.7 เท่า ทำให้ยังมีความสามารถในการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้อีกมาก และยังมีแหล่งเงินทุนที่พร้อมในอีกหลายๆด้าน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ