(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซต์เวย์-ลุ้นขึ้น คาดหวังศก.ในปท.ฟื้น/รอประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 11, 2015 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซต์เวย์ และมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้บ้างแต่ยังอยู่ในกรอบจำกัด จากความคาดหวังแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มดูดีขึ้น จากรัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในสัปดาห์หน้าด้วย ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ เพราะขณะนี้ตลาดยังสับสน บางก็ว่าขึ้นดอกเบี้ย บางก็ว่ายังไม่ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนยังไม่กล้าที่จะลงทุนจริงจัง

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบกัน แต่เมื่อตลาดหุ้นจีนเปิดทำการมาในแดนบวกได้ ทำให้หลายตลาดฯในภูมิภาคเริ่มที่จะมีการีบาวด์กลับขึ้นไป

พร้อมให้แนวรับ 1,388-1,390 จุด ส่วนแนวต้าน 1,405-1,415 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(10 ก.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,330.40 จุด ปรับขึ้น 76.83 จุด(+0.47%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,796.25 จุด เพิ่มขึ้น 39.72 จุด(+0.84%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,952.29 จุด เพิ่มขึ้น 10.25 จุด(+0.53%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวัน นี้ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 143.91 จุด,ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 8.41 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.57 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 19.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 8.93 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 20.19 จุด

ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดทำการเนื่องในวันเลือกตั้งทั่วไป

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(10 ก.ย.58) 1,396.16 จุด ลดลง 0.13 จุด (-0.01%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 821.69 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.ย.58
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(10 ก.ย.58) ปิดที่ 45.92 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับขึ้น 1.77 ดอลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(10 ก.ย.58)ที่ 5.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 36.00 คาดแกว่งแคบขาดปัจจัยใหม่หนุน รอเฟด-กนง.สัปดาห์หน้า
  • เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เชิญตัวแทนเครือข่ายภาคประชาสังคมร่วมหารือถึง แนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 1.3 แสนล้านบาท โดยสรุปจะมีการคิกออฟยุทธศาสตร์สานวงเงิน 1.3 แสนล้านบาท โดยสรุปจะมีการคิกออฟยุทธศาสตร์สานพลังประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดงาน
  • แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่าผู้รับสัมปทานจะลดปริมาณการผลิตก๊าซในแหล่งก๊าซไพลินในอ่าวไทยลงมากว่า 50% ซึ่งจะกระทบกับปริมาณการใช้ในประเทศ จนต้องเพิ่มการนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลเอ็นจี) เพิ่มขึ้นจากปกติวันละ 190 ล้านลูกบาศก์ฟุต ตามจำนวนที่ลดลง จึงอาจกระทบต่อราคาก๊าซ
  • นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจำเป็นต้องเพิ่มรายได้จากการปฏิรูปภาษี และลดรายจ่ายบางด้าน เช่น งบประจำ ที่เพิ่มขึ้นทุกปี หากสามารถลดงบประมาณส่วนนี้ได้จะมีผลต่อการลดหนี้สาธารณะได้มากกว่าการเพิ่มให้เอกชนเข้ามาลงทุน (พีพีพี)
  • เอดีบีเตรียมปรับลดจีดีพีต่ำกว่า 2.9% หลังครึ่งปีแรกโงหัวไม่ขึ้น เตือนรับเงินทุนผันผวนจากผลประชุมเฟด ด้านกสิกรไทยคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย ค่าบาทปีหน้าอาจแตะ 38 ห่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาเลย์ลาม
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR-ECI) เดือน ส.ค. 2558 พบว่า ดัชนีการคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า เริ่มขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ มาที่ระดับ 46 จาก 45 ในเดือนก่อน ซึ่งแม้ว่าดัชนีจะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ 50 แต่ทิศทางที่เพิ่มขึ้นก็อาจเป็นสัญญาณว่า ครัวเรือนบางส่วนน่าจะเริ่มคลายความกังวลต่อภาวะการครองชีพในอนาคตลงบ้าง
  • นายชิต เหล่าวัฒนา กรรมการ บมจ.ทีโอที เผยในวันที่ 16 กันยายน จะมีการประชุมคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาคัดเลือกพันธมิตรให้ได้เพราะหากล่วงเลยเดือนกันยายนไปแล้วก็จะส่งผลกระทบ เนื่องจากสัญญาสัมปทานคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์จะสิ้นสุดลงรวมทั้งประเทศไทยก็จะเข้าสู่การประมูล 4จี บนคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ และ 900 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งอาจส่งผลให้สถานีฐานใช้งานคลื่นความถี่ย่าน 1900 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อให้บริการ 3จี มีมูลค่าจากการประเมินทรัพย์สินที่ลดลงได้ ซึ่งหากไม่มีการใช้งานเพื่อเพิ่มการให้บริการของสถานีฐาน จะทำให้อัตราการด้อยค่าของทรัพย์สินวันละ 13 ล้านบาท หรือปีละ 10,000 ล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SPALI(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 27 บาท คาดแนวโน้มผลประกอบการยังคงเติบโตต่อเนื่องจากงานในมือรอบันทึกรายได้ ใน 2H58 ความสามารถในการทำกำไรยังทำได้ดีจากอัตรากำไรขันต้นเฉลี่ยที่ระดับ 39-40% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 33% ขณะเดียวกันคาดเห็นการจ่ายปันผลให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6% ต่อปี (นโยบายจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง)
  • ITD(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"สะสม"เป้า 12 บาท มองเชิงบวกต่อการเข้าหารือของรองนายกฯ ดร.สมคิด กับ รมว.คมนาคม และคณะทำงาน วันพุธที่ผ่านมา เพื่อมอบนโยบายในการเร่งรัดการทำงานโครงการลงทุนขนาดใหญ่ให้เป็นรูปธรรมเร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว และล่าสุดรองนายกฯ พล.อ ประวิตร รายงานความคืบหน้าในการหารือกับทางการจีน ถึงโครงการลงทุนรถไฟฟ้าความเร็วสูง ไทย–จีน ทางไทยเสนอให้ทางการจีนลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงจาก 4% เป็น 2% และคาดว่าคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่ายจะมีการหารืออีกครั้งในช่วงกลางเดือนก.ย. นี้เพื่อหาข้อสรุป และเริ่มงานลงทุนได้ในเดือนต.ค. ตามเวลาที่นายกฯ กำหนดไว้ โดยITD มีความพร้อมสูงสุดในการประมูลงานก่อสร้างระบบรางรถไฟ และคาดจะมีความคืบหน้าในการออกประทานบัตรโครงการเหมืองแร่โปรแตซที่ จ.อุดรธานีในช่วงปลาย 3Q58 หรือ ต้น 4Q58
  • KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"สะสม"เป้า 21.03 บาท รัฐบาลเปิดตัวกองทุนหมู่บ้าน วันที่ 14 ก.ย. นี้ วงเงิน 6.0 หมื่นล้านบาท อย่างเป็นทางการ และคาดว่าจะปล่อยกู้ได้ครบภายในสิ้นเดือนต.ค.หรือเร็วกว่าคาด จึงคาดว่าการเริ่มโครงการดังกล่าวจะเป็นบวกต่อยอดสินเชื่อของ KTB ในช่วง 4Q58 ขยายตัว อีกทั้ง KTB มีสภาพคล่องคงเหลือเพียงพอ เนื่องจาก Loan to Deposit Ratio อยู่ที่ระดับเพียง 90% และจะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของสินเชื่อให้ขยายตัวตั้งแต่เดือน ต.ค. และต่อเนื่องถึง 4Q58 ที่เป็น High Season ของความต้องการใช้ทุนหมุนเวียนของภาคธุรกิจ และ Valuation ค่อนข้างถูก
  • AEONTS(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 130 บาท คาดกำไร 2Q58(ปิดงบฯ 20 ส.ค.) ที่ 561 ล้านบาท ดีขึ้น 7%QoQ แต่ยังอ่อนตัว 17%YoY โดยแรงหนุนคาดว่าจะมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงจากไตรมาสก่อน ด้านสินเชื่อคาดว่าจะยังเติบโตได้ในระดับต่ำ แต่บัตรกดเงินสดที่คาดว่าเติบโตได้ดีกว่าจะช่วยหนุน Spread ให้ดีขึ้นได้บ้าง ขณะที่สำรองหนี้สูญคาดว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อยเช่นกัน สำหรับแนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งปีแรกถือว่าไม่เด่น แต่ในครึ่งปีหลังหากมีผลักดันนโยบายอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ก็จะเป็นผลบวกต่อบริษัทซึ่งมีฐานลูกค้าผู้มีรายได้น้อย ทำให้ผลประกอบการในไตรมาสที่เหลืออาจเริ่มเด่นขึ้นได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ