นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทปรับกลยุทธ์ด้วยการหันมามุ่งเน้นการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะ AEC มากขึ้น มาจากการที่กลุ่มประเทศ AEC มีประชากรวัยแรงงานเป็นจำนวนมาก และมีอัตราการเติบโตของชนชั้นกลางมากขึ้น รวมถึงมีแหล่งทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะแหล่งพลังงาน เพราะหลายประเทศเพิ่งเริ่มเปิดประเทศ และกำลังอยู่ในระยะของการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะมาพร้อมกับการสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อให้ทัดเทียมและแข่งขันได้
ยกตัวอย่างเช่น แหล่งทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์และการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจและเปิดประเทศ ทำให้พม่าต้องใช้พลังงานมากขึ้น จึงมีโอกาสทางธุรกิจด้านพลังงานที่เปิดกว้าง ทั้งในส่วนของธุรกิจต้นน้ำ ที่เกี่ยวข้องกับการการสำรวจและผลิต ตลอดจนธุรกิจกลางน้ำ เช่น ระบบสายส่ง การวางท่อ รวมถึงก่อสร้างและโลจิสติกและธุรกิจปลายน้ำที่เกี่ยวกับโรงกลั่นและการขายปลีกน้ำมัน เช่นเดียวกับประเทศลาว ที่นับเป็นความท้าทายใหม่ของบริษัทในการเข้าไปลงทุน
นอกจากนี้เอเชียยังเป็นภูมิภาคที่มีการเจริญเติบโตสูงมาก มีประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศเกิดใหม่หลายๆ แห่ง เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลี หรือมาเลเซีย ขณะที่ผู้บริโภคในประเทศเหล่านี้มีระดับรายได้สูงขึ้นและมีอัตราการเติบโตของชนชั้นกลางมากขึ้น
"เอเชียและ AEC เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพมาก และ TTA ก็เชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญที่เราคุ้นเคยกับภูมิภาคนี้ จะทำให้เรามีโอกาสที่ “มากกว่า" อย่างไรก็ตาม การขยายการลงทุนของ TTA จะเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก โดย TTA จะรอโครงการที่เหมาะสม"นายเฉลิมชัย กล่าวนายเฉลิมชัย กล่าวว่า ธุรกิจที่อยู่ในโฟกัสของบริษัทนั้น จะครอบคลุมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น คมนาคม โทรคมนาคม ธุรกิจพลังงานทางเลือก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ