บลจ.กรุงศรี ตั้งเป้า AUM สิ้นปี 3.3 แสนลบ. ออก RMF 2 กองใน Q4/58 หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 24, 2015 14:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสุภาพร ลีนะบรรจง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.กรุงศรี (KSAM) กล่าวว่า ปี 58 ตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ที่ 3.3 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ 2.72 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน บลจ.กรุงศรี มี AUM รวมอยู่ที่ระดับ 3,001,000 ล้านบาท อาจจะยังต่ำกว่าเป้า เนื่องจากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่นเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ ทำให้หุ้นตกจึงยังไม่ได้ตามทาร์เก็ตที่ตั้งไว้ แต่เชื่อว่าเมื่อถึงสิ้นปีน่าจะได้ตามเป้าเพราะช่วงไตรมาส 4 มีแผนจะออกกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อีก 2 กอง และช่วงปลายปีจะมีแรงซื้อจากกองทุน LTF-RMF ซึ่งปกติจะเข้ามาไตรมาส 4 ประกอบกับ บลจ.กรุงศรีมองดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) สิ้นปีน่าจะขึ้นไปแตะ 1,440 จุด ก็น่าจะหนุนให้ AUM ไปถึงเป้า
สำหรับมุมมองต่อตลาดหุ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า คาดดัชนีที่ระดับ 1,636 จุด เพิ่มขึ้น 23.35% กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต 12.6% จากปีนี้เติบโต 12.5% ขณะที่มองเป้าดัชนีปี 59 ระดับสูงสุดที่ 1,711 จุด แต่อาจจะขอ revise down ซึ่งต้องรอดูผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกอบออกมาสำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ ถ้าระยะสั้นดัชนีจะค่อยๆ ปรับขึ้นเป้าสิ้นปีที่ 1,440 จุด ขณะที่จุดต่ำสุดผ่านไปแล้วที่ 1,302 จุด ปัจจัยที่จะหนุนดัชนี เป็นเรื่องจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ ธนาคารพาณิชย์ ภาคก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
"มุมมองหุ้นไทยปีนี้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว 1,302 จุด จากนี้ไปดัชนจะรีบาวด์ขึ้นเรื่อยๆ ให้เป้าสิ้นปี 1,440 จุด เพราะจะได้รับประโยชน์จากมาตรการต่างๆของรัฐบาล แบงก์ก็จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้นโดยเฉพาะแบงก์รัฐ ภาคก่อสร้างได้ประโยชน์ ภาคอสังหาฯ หลังออกมาตรการช่วยเหลือ และปีนี้ดอกเบี้ยต่ำเป็นปัจจัยหนุน แต่สิ่งที่กังวลคือเศรษฐกิจจีน และส่งออกไทยที่อ่อนแอ ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ยังขายอยู่ แนวโน้มก็น่าจะขายลดลงแล้ว"

ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรีมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)น่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งในระยะ 1-3 เดือน หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตลาดจะผันผวนอาจตอบรับเชิงบวกไม่มาก เพราะเป็นช่วงที่บริษัทต่างๆ ปรับตัว แต่ถ้าในระยะยาว 12-18 เดือน บริษัทฯปรับตัวได้มากขึ้นจะกลับมาตอบรับเชิงบวกตลาดจะปรับขึ้นราว 5-10% ส่วนเรื่องที่อยู่ระหว่างจะต่ออายุกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) โดยจะเพิ่มระยะเวลาถือครองเป็น 5 ปีเต็ม จากปัจจุบันที่มีช่องที่ทำให้ถือครองได้ 3 ปี 2 วัน ว่า เป็นผลดีต่อผู้ออมที่จะทำให้รู้จักการออมมากขึ้น

"ในระยะยาวดีต่อผู้ออม ดีต่อบลจ.และเศรษฐกิจ เหมือนรัฐบาลจะเข้าใจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่แรงซื้อ LTF-RMF ก็คงจะไปกระจุกตัว 3 เดือนสุดท้ายของปีเหมือนเดิม"นางสุภาพร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ