ทั้งนี้ สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการทางด้านวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งบ้าน และอาคารแบบครบวงจร ซึ่งจำหน่ายภายใต้ศูนย์การแสดงสินค้าขนาดใหญ่และทันสมัย (โชว์รูม) ภายใต้เครื่องหมายการค้า"สุวันนี" ที่เป็นอันดับหนึ่งในสปป.ลาว และยังจำหน่ายเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง ,เฟอร์นิเจอร์,ลิฟท์และบันไดเลื่อน
นายวัดดานา สุคะบันดิต รองประธานสภาบริหารและผู้อำนวยการใหญ่ ของ สุวันนีฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ย.58 บริษัทได้ยื่นคำขอเสนอขายหุ้น IPO ต่อสคคซ. จำนวน 25 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 2,000 กีบ หรือประมาณ 8 บาท
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 280 พันล้านกีบ หรือประมาณ 1,120 ล้านบาท พาร์หุ้นละ 2,000 กีบ และภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว (LSX) บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 330 พันล้านกีบ หรือประมาณ 1,320 ล้านบาท พาร์หุ้นละ 2,000 กีบ ส่วนราคา IPO จะมีการกำหนดราคาเมื่อทางสคคซ. อนุมัติให้บริษัท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนแล้ว
บริษัทมีสาขาจำนวน 4 สาขา คือ สาขาโพนต้อง,สาขาสีไค, สาขาทุ่งขันคำ และสาขาท่งตูม โดยสินค้าจะแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มกระเบื้องและโครงสร้างหลัก 2.กลุ่มหลังคาและตกแต่งโครงสร้าง 3.กลุ่มสีและท่อ 4.กลุ่มไฟฟ้าและเครื่องมือช่าง 5.กลุ่มสุขภัณฑ์และห้องน้ำ 6.กลุ่มลิฟท์และบันไดเลื่อน 7.กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ นอกจากบริษัทจะจำหน่ายสินค้าผ่านหน้าร้านแล้วยังจำหน่ายไปยังลูกค้าร้านค้าและลูกค้าโครงการอีกด้วย
“โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนบริษัทจะนำไปลงทุนก่อสร้างสาขาจำนวน 3 สาขาคือ สาขาเส้นทาง 450 ปี (นครหลวงเวียงจันทน์) สาขาปากเซ และสาขาปากซัน และอีกส่วนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อรองรับการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปี 2015 ที่เชื่อว่าจะทำให้การลงทุนทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจในสปป. ลาว มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ"นายวัดดานา กล่าว
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ผู้อำนวยการ บริษัท หลักทรัพย์เอพีเอ็มลาว จำกัด (APMLAO) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของสุวันนีฯ กล่าวว่า ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสคคซ. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการทำให้ธุรกิจมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจาอาเซียนที่กำลังจะมาถึงในปลายปี 58
โดยบริษัทมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ดังนี้คือ ปี 57 รายได้รวม 311.28 ตื้อกีบ( 1,245.12 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 21.25 ตี้อกีบ( 85.03 ล้านบาท) ปี 56 มีรายได้รวม 264.37 ตื้อกีบ(1,057 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 14.19 ตื้อกีบ (56.75 ล้านบาท) และปี 55 รายได้รวม 230.45 ตื้อกีบ( 921.81 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 10.64 ตื้อกีบ (42.57 ล้านบาท)
“บริษัทมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อย่างก้าวกระโดด เพราะเมื่อเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ลาว จะทำให้บริษัทมีชื่อเสียงมากขึ้นเป็นที่ยอมรับในระดับมาตรฐานสากล และทำให้บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่งทำให้สามารถขยายสาขา เพิ่มผลิตภัณฑ์ เพิ่มกลุ่มลูกค้า และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายได้อีกมาก และเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้นเดิมและนักลงทุนได้อย่างเป็นที่น่าพอใจกับทุกฝ่าย"นายสมภพ กล่าว