นายนิติธร กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ว่า แนวโน้มรายได้คงใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1.52 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวส่งผลให้กำลังซื้อปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการค้าปลีกในประเทศที่ชะลอการลงทุนออกไป นอกจากนี้ต่างประเทศก็มีกำลังซื้อลดลงเช่นกัน โดยเฉพาะลูกค้าในแถบตะวันออกกลางที่มีรายได้หลักมาจากค้าน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันทรุดตัวลงมาก
ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้มีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 97.31 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับงานโครงการรถเมล์ แต่อาจจะไม่มีรายได้เข้ามาในปีนี้หรือหากมีเข้ามาก็ไม่มาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมั่นใจว่าช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก ทั้งในแง่รายได้และกำไรสุทธิ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นที่ทางบริษัทจะมีการส่งมอบงานที่มีอยู่ในมือที่รับมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 58
"รายได้ที่ไม่รวมกับโครงการจัดซื้อรถเมล์ของ ขสมก.นั้นคงใกล้เคียงกับปีก่อน เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ทำให้ยอดคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศชะลอตัวออกไป ขณะที่กำไรสุทธิเองก็คงจะต่ำกว่าปีก่อน เพราะเราได้มีการลงทุนไว้แต่รายได้อาจจะไม่เข้ามาในปีนี้ หรือถ้าเข้ามาทันก็ไม่มาก"นายนิติธร กล่าวนายนิติธร กล่าวต่อ หลังจากที่บริษัทเซ็นสัญญางานเดินรถโดยสาร NGV ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.)ไปแล้ว บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้ารับงานเดินรถประจำทาง NGV ระหว่างสถานีขนส่ง(บขส.)จังหวัดขอนแก่น เพื่อเข้าตัวเมือง โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนในช่วงต้นปี 59 นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจารับเดินรถรับ-ส่งในจังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก และสถานที่ราชการอีกหลายแห่งเพิ่มเติมด้วย
"หลังจากที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน ทำให้เราเห็นถึงความเสี่ยงต่างๆที่เกิดขึ้น เราจึงหันมารับงานเดินรถโดยสารที่มีสัญญาระยะยาว และรายได้แน่นอนเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งเราก็เจรจาหมดทั้งจังหวัดใหญ่ๆที่เป็นเมืองท่องเที่ยว สถานที่ราชการ และมหาวิทยาลัยด้วย"นายนิติธร กล่าว