นายบัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการ IOD เปิดเผยในงานสัมมนานำเสนอผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 58 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2015)ว่า ในปีนี้ บจ.ยังคงได้รับคะแนนการประเมินทางด้าน CG ในระดับที่ดี โดยจากการสำรวจ บจ. ทั้งหมด 588 บริษัท มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 75% ซึ่งสูงกว่าปี 57 (550 บริษัท) ที่มีคะแนนเฉลี่ย 72% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของคะแนนเฉลี่ยทุกหมวด ยกเว้นหมวดการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกันที่มีคะแนนเฉลี่ยเท่าเดิม ซึ่งเป็นคะแนนเฉลี่ยที่สูงอยู่แล้ว
หากพิจารณาคะแนนเฉลี่ยรายหมวดของผลสำรวจในปีนี้จะพบว่าหมวดที่ได้รับคะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ 70% ขึ้นไป มี 4 หมวด ได้แก่ หมวดการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน สิทธิของผู้ถือหุ้น การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสและการคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 91%, 91%, 80% และ 70% ตามลำดับ
ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่การปฏิบัติตามหมวดการคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสียได้รับคะแนนเฉลี่ยถึงระดับ 70% ซึ่งอยู่ในระดับดี ส่วนหมวดที่มีคะแนนเฉลี่ยในระดับ 60% ได้แก่ หมวดความรับผิดชอบของคณะกรรมการ ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 66% ตามลำดับ ซึ่งยังคงต้องสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาต่อไป
นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบจำนวนบริษัทตามผลการสำรวจที่ได้รับในแต่ละระดับ ซึ่งมีการประกาศผลตามจำนวนสัญลักษณ์ของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติ ก็พบว่า มีบริษัทจดทะเบียนจำนวน 405 บริษัทที่ได้รับคะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ 70% ขึ้นไป หรือระดับดีขึ้นไป โดยในจำนวนนี้มีบริษัทที่ได้รับคะแนน 90% ขึ้นไปหรือระดับดีเลิศ จำนวน 55 บริษัท (9%) บริษัทที่ได้รับคะแนน 80-89% หรือระดับดีมาก จำนวน 159 บริษัท (27%) และบริษัทที่ได้รับคะแนน 70-79% หรือระดับดี จำนวน 191 บริษัท (33%)
“ผลการประเมินจากโครงการ CGR ในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของ บจ. ไทยที่เริ่มให้ความสำคัญกับการกำหนดนโยบาย (Form) ควบคู่ไปกับการนำนโยบายไปปฏิบัติจริงให้เกิดผลเป็นรูปธรรม (Substance) มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน การปฏิบัติตามจริยธรรมธุรกิจ การจัดให้มีการประเมินผลงานของคณะกรรมการทั้งคณะ แต่ยังคงต้องสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาในบจ.ไทยทั้งขนาดใหญ่และเล็กต่อไป
นอกจากนี้บจ. ไทยยังเน้นการดำเนินธุรกิจที่ก้าวหน้าควบคู่ไปกับการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีการกำหนดนโยบายและเปิดเผยถึงสิ่งที่ได้ปฏิบัติตามนโยบายที่มีเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มผ่านการจัดทำรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลมากขึ้น"นายบัณฑิต กล่าว
ทั้งนี้ พัฒนาการทางด้าน CG ในอนาคต จะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มองภาพระยะยาวมากกว่าระยะสั้น การให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ใช่ทางการเงินมากขึ้น บทบาทของคณะกรรมการจะต้องปรับไปสู่เชิงรุก โดยจะต้องมีบทบาทนำทางด้านวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงดูแลเรื่องความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น จึงขอให้คณะกรรมการได้ตระหนักถึงประเด็นเหล่านี้ โดย IOD พร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ เพื่อร่วมกันพัฒนามาตรฐาน CG ของไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป