นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการลดภาษีกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.58-28 เม.ย.59 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งส่งผลให้ธุรกรรมการขายและโอนที่อยู่อาศัยที่ชะงักงันในช่วงก่อนหน้านี้เดินหน้าต่อได้ รวมทั้งรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านวงเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบจากการที่กระทรวงการคลังประกาศปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ปีนี้เหลือโต 2.8% จากเดิมคาดโต 3% เป็นผลจากที่คาดว่าการส่งออกปีนี้จะหดตัว 5.4% สูงกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าที่คาดว่าจะหดตัวราว 4% โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนก.ย.58 และผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 มีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่องทั้งจากการส่งออกสินค้าและการใช้จ่ายภาคเอกชนผ่านการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน
ขณะที่ยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว แม้ว่าจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงสัปดาห์นี้เป็นตัวเลขประมาณการครั้งแรก GDP ของสหรัฐในช่วง Q3/58 และการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือนต.ค.โดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าให้ติดตามการทยอยประกาศผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/58 ของบริษัทจดทะเบียนซึ่งคาดว่ากลุ่มพลังงานจะมีผลประกอบการแย่ลงเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้วและช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าในเดือน ธ.ค.
ประเมินว่า SET จะแกว่งพักตัวในกรอบ 1,400-1,430 จุดแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ ในหุ้นที่คาดจะมีผลการดำเนินงานสดใสในช่วงไตรมาส 3/58 แนะนำ SIRI ANAN LPN และ กลุ่มสื่อสารเนื่องจากใกล้ช่วงของการเปิดประมูล 4G ในวันที่ 11 และ 12 พ.ย.นี้ แนะนำ ADVANC และ DTAC
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำเริ่มทรงตัวในลักษณะพักตัวออกข้างหลังปรับลงอย่างต่อเนื่องจากแรงขายทำกำไรในช่วงก่อนหน้า ส่วนปัจจัยที่มีผลกระทบต่อทองคำ ได้แก่ นายมาริโอดรากีประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เผยว่าจะยังคงวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนและอาจตัดสินใจขยายเวลาการใช้มาตรการ QE ให้นานกว่าเดือนก.ย.59 รวมถึงธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากระยะเวลา 1 ปี ลง 0.25% และได้ปรับลดสัดส่วนการกันสำรอง (RRR) ของธนาคารพาณิชย์ลง 0.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นปัจจัยกดดันทองคำ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไปด้วยคะแนนเสียง 9-1 ในการประชุมช่วงวันที่ 27-28 ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับส่งสัญญาณพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปช่วงวันที่ 15-16 ธ.ค.จากแถลงการณ์ของเฟดในเชิงหนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้สนับสนุนกระแสคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ
ดังนั้น ประเมินราคาทองโลกด้านเทคนิคราคาทองพักตัวลงมาต่ำกว่าแนวรับเส้น 5 วันที่เริ่มตัดเส้น 10 วันลงมาเกิดเป็นสัญญาณ DEAD CROSS ระยะสั้น + ค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นลบ ส่งผลให้ราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ อย่างไรก็ตามแนวเรียงตัวขาลงของแท่งเทียนอยู่ในช่วงแขนของรูปแบบ BULLISH FLAG ซึ่งจะช่วยลดแรงถ่วงให้ดัชนีปรับลงไม่แรงมาก และเป็นการปรับลงมาสร้างฐานเพื่อรอฟื้นตัวขึ้นรอบใหม่ตามรูปแบบและกลับมาอยู่ในแนวโน้มขึ้นเดิมก่อนหน้า โดยให้แนวรับ 1,140 - 1,135 เหรียญ/ทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,195-1,200 เหรียญ/ทรอยออนซ์