TTA คาดสรุปลงทุนใหม่ต้นปี 59 ธุรกิจหลักกำไรฟื้น เมอร์เมด-ค่าระวางเรือ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 16, 2015 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA)เปิดเผยว่า การเติบโตของกำไรสุทธิในไตรมาส 3/58 สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของ TTA อย่างแข็งแกร่ง โดยในขณะนี้ TTA พบธุรกิจน่าสนใจที่น่าลงทุนจำนวนมาก และกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเลือกธุรกิจที่เหมาะสมที่สุด คาดว่าจะสรุปผลได้ประมาณปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
"อย่างไรก็ดี เรายังคงมุ่งรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักไว้ให้มากที่สุด เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"นายเฉลิมชัย กล่าว

TTA รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/58 กำไรสุทธิ 382.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 183% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 135.4 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 328.3 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวของเมอร์เมด และโทรีเซน ชิปปิ้ง ส่วนพีเอ็มทีเอ และไซโน แกรนด์เนส ยังคงมีส่วนแบ่งกำไรให้ TTA อย่างต่อเนื่อง

จากรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/58 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,792.1 ล้านบาท ลดลงจากระยะเวลาเดียวของปีก่อน 2% และลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็น 3% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23% ใกล้เคียงกันกับปีก่อน และกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อนหน้า

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า แม้ว่ารายได้จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า แต่บริษัทยังสามารถรักษาการเติบโตของกำไรสุทธิไว้ได้อย่างน่าพอใจ โดยใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และยังขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 183% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/58 ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลงานที่ดีขึ้นของ บมจ. เมอร์เมด มาริไทม์ ที่มุ่งเน้นให้บริการในเฟสของการสำรวจและผลิต และการให้บริการในเขตน้ำตื้นเป็นหลัก ซึ่งช่วยดึงอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้น้ำเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 80% แล้ว

นอกจากนี้ ธุรกิจชิปปิ้งเองก็มีสัญญาณการฟื้นตัวในระหว่างไตรมาส ทำให้อัตราค่าระวางเรือปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับได้อานิสงส์จากกำไรในอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิยังสะท้อนถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะเดียวกัน บมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์(PMTA)ที่ภาพรวมยังสร้างกำไรได้ดี แต่อ่อนตัวลงในไตรมาสนี้ เป็นผลมาจากปัญหาภัยแล้งต่อเนื่องส่งผลให้เกิดการชะลอการจำหน่ายปุ๋ยในประเทศ และโอกาสในการส่งออกปุ๋ยไปแอฟริกาลดลง ด้านธุรกิจของบริษัท ไซโน แกรนด์เนส ฟู้ด อินดัสตรี กรุ๊ป จำกัด ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในประเทศจีน มีพัฒนาการใกล้เคียงกับช่วงก่อนหน้านี้ โดยมีส่วนแบ่งกำไรให้ TTA ที่ 43.9 ล้านบาท ขณะที่ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS)มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดขายถ่านหินลดลง

ผลการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจ รายได้จากธุรกิจเรือเทกองเพิ่มขึ้นประมาณ 14% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส จากการฟื้นตัวของดัชนี BDI ในระหว่างไตรมาส ส่งผลให้อัตราค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 29% มาอยู่ที่ 8,047 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน นอกจากนี้ ยังรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลให้โทรีเซนชิปปิ้งพลิกกลับมีกำไรสุทธิ 150.8 ล้านบาท

เมอร์เมด งานให้บริการด้านวิศวกรรมใต้น้ำยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้น้ำเพิ่มเป็น 80% ซึ่งเป็นผลมาจากการได้งานในตะวันออกกลาง และแรงหนุนจากไฮซีซั่น ทั้งนี้ อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือขุดเจาะเพิ่มขึ้นมาเป็น 73% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากเรือขุดเจาะสามขา Jack-up Rig ของ AOD ก็ยังให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้เมอร์เมดมีกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ที่ 579.4 ล้านบาท (TTA รับรู้กำไรที่ 338 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสที่ผ่านมา

PMTA ภาพรวมยังทำกำไรได้ดี แต่รายได้และกำไรปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปรากฎการณ์ เอลนินโย ที่ก่อให้เกิดภาวะฝนแล้งต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงส่งผลให้มีการชะลอตัวของยอดขายปุ๋ยในประเทศเวียดนาม ในขณะเดียวกันยอดส่งออกก็ปรับตัวลดลงจากโอกาสที่จำกัดในการส่งออกปุ๋ยไปยังกลุ่มประเทศแอฟริกาบางประเทศ

UMS ผลขาดทุนยังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากวงเงินสินเชื่อที่มีจำกัดตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว ทำให้ประสบปัญหาในการนำเข้าถ่านหิน จึงส่งผลให้ยอดขายถ่านหินในไตรมาสนี้ลดลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มของธุรกิจจะค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ หลังจากได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก TTA ไปเมื่อเร็วๆ นี้

ไซโน แกรนด์เนส มีส่วนแบ่งกำไรให้กับ TTA คิดเป็น 43.9 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เนื่องจากยอดส่งออกของผลิตภัณฑ์ผักผลไม้กระป๋องอ่อนตัวลงในไตรมาสนี้ ประกอบกับบริษัทฯ เพิ่มงบโฆษณาเพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และ สร้างการรับรู้ของแบรนด์ อีกทั้งเตรียมพร้อมออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ในประเทศจีนที่สามารถทำกำไรได้สูงกว่า ซึ่งคาดว่าผลประกอบการจะมีทิศทางที่ดีขึ้น และTTA สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้อย่างต่อเนื่องในไตรมาสหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ