ขณะที่มองตลาดในประเทศและต่างประเทศยังสามารถเติบโตไปได้ตามอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีการจำหน่ายสินค้าพรีเมี่ยมและบริหารต้นทุนในการผลิต เพื่อให้อัตรากำไรสุทธิและอัตราขั้นต้นเติบโตดีขึ้น โดยสิ้นปีนี้จะยังคงรักษาระดับไว้ที่ 16.4% และ 32.9% ตามลำดับ ซึ่งจะอยู่ในระดับเดียวกับครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ยังมีการรับรู้รายได้จาก TJM Producr PTY Ltd. (TJM) ที่บริษัทฯทำการเข้าซื้อกิจการมา โดยครึ่งปีแรกรับรู้รายได้ประมาณ 468 ล้านบาท เละมองว่าครึ่งปีหลังน่าจะมีรายได้เข้ามาใกล้เคียงกัน
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 งวดปี 58/59 (สิ้นสุดธ.ค.58) คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก 3 ธุรกิจสามารถเติบโตได้ดี ซึ่งครึ่งปีแรกก็สามารถทำได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรมากกว่า 5 ราย เพื่อเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศ โดยจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 รายในปี 59
สำหรับแผนการลงทุนนั้น บริษัทวางงบภายใน 2 ปี (งวดปี 59/60 -60/61) ไว้ราว 1,250 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้ลงทุนในปี 59/60 ในธุรกิจ AEROKLAS 250 ล้านบาท และใช้ในธุรกิจ EPP จำนวน 200 ล้านบาท และในปี 60/61 จะใช้เงินลงทุนราว 750 ล้านบาท แบ่งใช้ในธุรกิจ AEROFLEX 600 ล้านบาท และอีก150 ล้านบาท จะใช้ในธุรกิจ AEROKLAS
นายเฉลียว กล่าวอีกว่า แผนการเพิ่มสภาพคล่องปริมาณการซื้อขายหุ้น (ฟรีโฟลต) ของบริษัทจะเริ่มพิจารณาได้ หลังจากที่บริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯครบ 1 ปี ในวันที่ 24 ธ.ค.58 ซึ่งคาดว่าจะกำหนดนโยบายดังกล่าวได้ต้นปี 59 โดยปัจจุบันมีกองทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเจรจามากกว่า 5 รายแล้ว และคาดหวังจะลดสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มวิทูรปกรณ์ เหลือ 70% จากเดิมที่ถืออยู่ 75%
"เราจะกำหนดนโยบายฟรีโฟรตได้ก็ต้นปี 59 ซึ่งส่วนตัวอยากให้เหลือ 70% จาก 75% แต่ก็ต้องคุยกันภายในครอบครัวก่อนว่ามีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันหรือไม่ ขณะที่ก็มีกองทุนมาสนใจมากกว่า 5 รายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งยังไม่สรุปว่าจะขายให้ทั้งหมดหรือไม่ โดยมองการเพิ่มสภาพคล่องจะทำให้บริษัทฯเติบโต ซึ่งมีแผนที่จะย้ายเข้าไปซื้อขายใน SET100 ภายใน 2 ปีข้างหน้า และภายใน 3 ปีจะย้ายเข้าไปใน SET50 "นายเฉลียว กล่าว