KBS คาดกำไรปี 59 ดีกว่าปีนี้ ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่ม,รายได้โต 5%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 24, 2015 12:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทัศน์ วนากรกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำตาลครบุรี(KBS) คาดว่าดกำไรสุทธิปี 59 จะเติบโตจากปีนี้ที่น่าจะลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 318.68 ล้านบาท และรายได้น่าจะเติบโตได้ 5% จากปีนี้ที่น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 6.3 พันล้านบาท เนื่องจากในปี 59 จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่มขึ้น โดยคาดจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านตัน จาก 2.28 ล้านตันในปีนี้ หลังได้ขยายกำลังการผลิตของโรงงานน้ำตาลเพิ่มเป็น 35,000 ตันอ้อยต่อวัน ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงจะมีการรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขนาด 22 เมกะวัตต์ เข้ามาราว 550 ล้านบาท/ปี หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 10% ของรายได้รวม
"จริงๆเราตั้งเป้าปริมาณอ้อยเข้าหีบในปีหน้าไว้ 3 ล้านตัน แต่เนื่องด้วยอาจจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเข้ามาทำให้เราคาดว่าปริมาณอ้อยเข้าหีบน่าจะไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านตัน ขณะที่มองแนวโน้มราคาน้ำตาลในตลาดโลกน่าจะอยู่ในระดับ 14-15 เซนต์/ปอนด์ โดยในปีหน้าจะเป็นเรื่องของการรอผลจากโปรเจกต์ที่เราได้ลงทุนไป"นายทัศน์ กล่าว

นายทัศน์ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างไซโลปรับความชื้นน้ำตาล หรือ Conditioning Silo ที่จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนธ.ค.58 นั้นเชื่อว่าจะช่วยให้สามารถขายน้ำตาลในราคาที่ดีขึ้นได้ในปีหน้า โดยเฉพาะในส่วนของน้ำตาลทรายขาว ที่จะมีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นราว 5-10 เหรียญ/ตัน จากเดิมอยู่ที่ 65 เหรียญ/ตัน

นอกจากนี้บริษัทวางงบลงทุนในปีหน้าราว 200-300 ล้านบาท เพื่อใช้ซ่อมบำรุงและปรับปรุงประสิทธิภาพ โดยจะไม่มีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ๆแล้ว จากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ประกอบด้วยโครงการขยายกำลังการผลิต Production Line C เพิ่มอีก 12,000 ตันอ้อยต่อวัน ,โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล 35 เมกะวัตต์, โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลขนาด 2,000 ลิตร/วัน และโครงการก่อสร้าง Conditioning Silo รวมถึงอาคารบรรจุผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งโครงการข้างต้นส่วนใหญ่ก็สามารถเดินหน้าและรับรู้รายได้เข้ามาแล้ว

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีหน้า บริษัทจะเน้น 1.ผลิตภัณฑ์ โดยมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณสมบัติหวานสองเท่าเช่นเดิม แต่อาจจะมีรูปแบบที่แตกต่างออกไป เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำน้ำตาลไปใช้ในอาหารที่หลากหลายขึ้น 2.ช่องทางการขาย จะขยายช่องทางการขายให้หลากหลายมากขึ้น เน้นขายผ่าน Modern Trade เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองและเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น และ 3.เครื่องมือส่งเสริมการขาย จะเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคได้ใกล้และตรงใจมากกว่า เช่น เฟซบุค ไลน์ อินสตาแกรม และสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ อีกทั้งยังมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดโครงการสัญจรที่ถือว่าเป็นการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้ากลุ่ม SME

นายทัศน์ กล่าวว่า ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 4/58 บริษัทน่าจะมีโอกาสขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาส 3/58 โดยงวด 9 เดือนที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 139.64 ล้านบาท เนื่องด้วยในไตรมาสสุดท้ายนี้จะมีการบันทึกค่าซ่อมบำรุงเข้ามาประมาณ 100 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีกำไรสุทธิจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ