วานนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ปรับผู้บริหารกรณีใช้ข้อมูลภายในเข้าซื้อหุ้น MAKRO โดยเปรียบเทียบปรับ (1) นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ (2) นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล (3) นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล และ (4) นายอธึก อัศวานันท์ ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้บริหารในกลุ่ม CPALL และเครือเจริญโภคภัณฑ์ กรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้น MAKRO เป็นเงินรวม 33,339,500 บาท (ในจำนวนนี้เป็นของนายก่อศักดิ์ 30,228,000 บาท) และเปรียบเทียบ (5) นายสมศักดิ์ เจียรวิสิฐกุล และ (6) นางสาวอารียา อัศวานันท์ ซึ่งให้การช่วยเหลือสนับสนุน รายละ 333,333.33 บาท
บทวิเคราะห์ของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า เรื่องนี้ไม่กระทบกับผลประกอบการของ CPALL แต่อาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกลุ่มบริษัทซีพีและ CPALL จากกรณีนี้บ้าง ซึ่งก็คงต้องมีการปรับเรื่อง Governance ภายในกลุ่มกันต่อไป ทั้งนี้เรายังคาดการณ์ว่าผลประกอบการ 4Q15 จะเติบโตดีขึ้น QoQ และเติบโตแกร่ง YoY เพราะไตรมาสสุดท้ายเป็นช่วงเทศกาลจับจ่ายใช้สอย และมีแคมเปญแลกสแตมป์ด้วย เราเชื่อว่า SSSG ใน 4Q15 จะเป็นบวกได้ต่อหลังจากขยับขึ้นมาใน 3 ไตรมาสแรก ซึ่ง Outperform กลุ่มอุตสาหกรรมที่ SSSG จะมีติดลบกับเป็นบางไตรมาสหรือไม่ก็ติดลบทุกไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ ส่วนการเติบโต YoY มาจากจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น มาร์จิ้นดี และภาระดอกเบี้ยจ่ายต่ำลง
กระแสเงินสดและฐานะการเงินแข็งแกร่ง ณ สิ้นก.ย.2015 บริษัทมีลูกหนี้การค้าต่ำเพียง 784 ล้านบาท (เพราะขายเป็นเงินสด) และมีเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อี่น 5.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเฉพาะส่วนนี้ก็ได้ผลตอบแทนจากการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินหมุนเวียนพอสมควรแล้ว ในช่วง 9M15 บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 2.0 หมื่นล้านบาท และมีเงินสดในมือ ณ สิ้นงวด 1.45 หมื่นล้านบาท
คาดกำไรบริษัทเติบโตได้ดีต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ระดับเฉลี่ย 17-18% ต่อปี) โดยการขยายสาขายังทำได้ดีในต่างจังหวัด การปรับ Product Mixed และบริหารต้นทุนช่วยหนุนให้มาร์จิ้นขยับขึ้นได้อีกเล็กน้อย แต่ด้วยมูลค่าขายที่ใหญ่มากถึง 3 แสนกว่าล้านบาทต่อปี แม้ว่ามาร์จิ้นเพิ่มเพียงเล็กน้อยแต่จะสร้างผลกำไรที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะในการทยอยซื้อลงทุน โดยทาง DBSV ให้ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 55.00 บาท ส่วนราคาพื้นฐานเฉลี่ยใน IAA Consensus อยู่ที่ 58 บาท