ด้านตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payrolls) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ธันวาคม นี้ เพิ่มขึ้นเป็น 80-90% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น โดยคาดว่าเงินน่าจะไหลออกจากประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets) แต่คงไม่มาก เพราะตลาดรับรู้ข่าวไปแล้ว
"หุ้นไทย ไม่น่าปรับลดลงมากนัก หลังจากสัปดาห์ที่แล้วปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าน่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา และมีแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อกองทุน LTF และ RMF ทั้งนี้ SET Index สัปดาห์นี้น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ที่ 1,320-1,360 จุด" นายวรวุฒน์ กล่าวกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ หากมองจากมุมมองปีหน้า ซึ่ง บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้น จากการลงทุนของภาครัฐ และเอกชน ทำให้ช่วงนี้เป็นเวลาเหมาะที่จะเก็บหุ้นพื้นฐานดี และหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง เพื่อให้ได้รับประโยชน์ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนลง
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อหุ้น บมจ.สามารถเทลคอม (SAMTEL) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจด้านไอซีทีชั้นแนวหน้า ทั้ง ICT Solutions , Network Solutions และ System integration ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ และมีความสัมพันธ์อย่างเหนียวแน่นและยาวนาน โดย SAMTEL มีโครงการใหม่ที่จะร่วมประมูล มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ของกรมที่ดิน การรถไฟไทย กรุงเทพมหานคร กองบัญชาการกองทัพไทย การสื่อสารฯ และคาดว่าจะชนะประมูล 7,000 ล้านบาท โดยโครงการปัจจุบัน ณ ไตรมาส 3 ที่ SAMTEL มีอยู่ มีมูลค่า 4.5 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีโครงการในปี 2016 อีก 5,500 ล้านบาท ทำให้คาดว่า SAMTEL มีรายได้โต 12% ในปี 2559
ด้านผลประกอบการ คาดว่า ไตรมาส 4/58 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีหลังจาก 9 เดือนแรกไม่ค่อยดีเท่าที่ควรเพราะมีความล่าช้าของโครงการวิทยุระบบดิจิทัลสำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งน่าจะลงนามสัญญาจัดหาติดตั้งได้ในไตรมาส 4 นี้ จากคาดการณ์เฉลี่ย Bloomberg แม้กำไรปีนี้จะร่วง 19% แต่การเติบโตน่าจะกลับมาได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้และพุ่ง 50% ในปีหน้า และ SAMTEL มี Dividend yield น่าสนใจที่ระดับ 3.5-4% โดยมีราคาเป้าหมายของ Bloomberg ที่ 22.77บาท และของสมาคมนักวิเคราะห์ ที่ 23.50 บาท