(แก้ไข) THAI มั่นใจพลิกเป็นกำไรในปี 59 จากขาดทุนในปีนี้ ตั้งเป้าผู้โดยสารโต 6%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 29, 2015 18:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย(THAI) กล่าวว่า ในปี 59 บริษัทจะกลับมามีกำไร จากปีนี้ที่เป็นไปตามคาดที่จะขาดทุน จากรายได้เพิ่มขึ้นที่คาดว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 6% จากปีนี้เติบโต 5-6% เป็นไปตามอุตสาหกรรมการบิน

นอกจากนี้มีแผนลดค่าใช้จ่ายปี 59 จำนวน 5 พันล้านบาทขึ้นไป โดยในส่วนนี้ได้ตั้งงบปรับลดพนักงานจำนวน 2 พันล้านบาท ขณะเดียวกันมีแผนเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร ส่วนในปีนี้บริษัทลดค่าใช้จ่ายได้แล้ว 8 พันล้านบาท จากเป้าหมายที่ 10,700 ล้านบาท

"ตามแผนปีหน้าต้องมีกำไร ต้องเริ่มมีกำไรในเดือนมกราคม เพราะประสิทธิภาพ ด้วยค่าใช้จ่ายลดลง เครื่องบินน้อยลง ทำให้ yield ดีขึ้น 3-7% ทั้งที่ต้นทุนเท่าเดิมก็จะลงไปที่ Bottom line" นายจรัมพร กล่าว

นายจรัมพร กล่าวว่า เมื่อวานนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติขายเครื่องบินจำนวน 7 ลำ เป็นเครื่องบินแอร์บัส A330 จำนวน 5 ลำ และ เครื่องบิน ATR 2 ลำ ทำให้ปีนี้บริษัทขายเครื่องบิน 24 ลำ ยังคงเหลือ 14 ลำ ได้แก่ เครื่องบินแอร์บัส A340 จำนวน 10 ลำ โบอิ้ง 747 จำนวน 2 ลำและเครื่องโบอิ้งเฟรเตอร์ 2 ลำ ทั้งหมดจะนำไปขายในปีหน้า

สำหรับแผนปฏิรูปองค์กรที่ดำเนินงานมาในช่วง 1 ปีทำให้การบินไทยมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยมีจำนวนเครื่องบินลดลง 20 ลำ ซึ่งปัจจุบันมีฝูงบิน 95 ลำ และลดค่าใช้จ่ายหลังจากยกเลิกเส้นทางการบินไปแล้ว 4 เส้นทาง ได้แก่ โจฮันเนสเบิร์ก มอสโคว์ มาดริด และลอสแองเจลิส รวมถึงลดค่าใช้จ่ายจากการปิดสำนักงานขายในต่างประเทศ 4 แห่ง

ส่วนปีหน้าการบินไทยจะรุกตลาดเพิ่มกลยุทธ์การขาย เพื่อเพิ่มอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor)เฉลี่ย 80% สูงขึ้นในปีนี้ที่มี Cabin Factor เฉลี่ย 73% ขณะที่ปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat-Kilometer: ASK) เท่าเดิม และค่าใช้จ่ายน้ำมันลดลง โดยคาดว่าในไตรมาส 1/59 Cabin Factor สูงกว่า 73% ที่อยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว โดยในช่วง 30-31ธ.ค.58 และ 1 ม.ค.59 มีจำนวนผู้จองตั๋วทั้งเส้นทางในและต่างประเทศสูงขึ้นราว 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายจรัมพร กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.)จะประชุมในวันที่ 18 ม.ค. 59 พิจารณาความคืบหน้าของแผนปฏิรูปองค์กรของการบินไทย ซึ่งมั่นใจว่าแผนของการบินไทยจะผ่านเพราะทำได้ตามเป้าหมาย และเชื่อว่าจะไม่ได้รับใบเหลืองใบแดง ซึ่งที่ผ่านมาคนร.ก็ไม่เคยตำหนิแผนของการบินไทย

ด้านนายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกษ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินและบัญชี ของ THAI กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้อนุมัติขายสินทรัพย์ที่ดินภายใต้การดูแลของการบินไทยทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสำนักงานขาย บ้านพักพนักงานของการบินไทยในพื้นที่ที่ไม่ได้ทำการบินแล้ว แบ่งออกเป็น ที่ดินในต่างประเทศจำนวน 4- 5 แห่ง อาทิ สเปน เดนมาร์ก อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ส่วนที่ดินในประเทศมีจำนวน 7-8 แห่ง ประกอบไปด้วย แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก เป็นต้น

อย่างไรก็ดี การพิจารณาขายสินทรัพย์ที่ไม่สอดรับกับการดำเนินธุรกิจครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของการเอื้อหนุนต่อการชำระหนี้สินที่บริษัทมีอยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท โดยถึงแม้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากที่จะสมทบกับจำนวนหนี้สินได้อย่างชัดเจน แต่การบริหารสินทรัพย์ให้เหมาะสมถือเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมให้บริษัทบริหารรายรับ และรายจ่ายได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้คาดการณ์ว่าสินทรัพย์ที่คณะกรรมการอนุมัติดังกล่าวจะเปิดขายในตลาดได้ประมาณเดือนก.พ.-มี.ค. 59

นอกจากแผนขายสินทรัพย์ที่ดินแล้ว ในปีหน้ายังเตรียมพิจารณาขายหุ้นกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่การบินไทยถือหุ้นอยู่จำนวน 3-4 แห่ง ภายใต้บริษัท โรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด และบมจ.โรงแรม รอยัลออคิด (ประเทศไทย) เนื่องจากการพิจารณาเบื้องต้นพบว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของการบินไทยอย่างชัดเจน ซึ่งแนวทางการในการขายสัดส่วนถือหุ้นดังกล่าวจะมีการพิจารณาความคุ้มค่าตามลำดับ

บริษัทมีแผนชำระหนี้ที่บริษัทมีอยู่ 2 แสนล้านบาท โดยมีแผนคืนหนี้ 2 หมื่นล้านบาท/ปี ซึ่งมีทั้งหนี้เงินกู้และหุ้นกู้ ซึ่งจะมาจากกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) นอกจากนี้ยังได้เงินจากการขายเครื่องบิน รวมทั้งไม่มีการลงทุนใหม่ มีเพียงการรับมอบเครื่องบินใหม่แอร์บัส A350 จำนวน 2 ลำ ที่ใช้วิธีการเช่าเครื่องโดยลงทุนหลักพันล้านบาท

ขณะที่การปรับเปลี่ยนนโยบายบัญชีให้วัดมูลค่าที่ดินจากราคาทุนเป็นใช้ตีราคาใหม่ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้น 6,923 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือเลขหลักเดียว จาก 13 เท่า ณ สิ้น ก.ย. 58 ซึ่งเป็นระดับธนาคารเจ้าหนี้ เจ้าหนี้หุ้นกู้มีความสบายใจ

ส่วนกรณีการทำสัญญาราคาน้ำมันซื้อขายล่วงหน้า (hedging) นายณรงค์ชัย กล่าวว่า การบินไทยไม่ได้ทำสัญญาระยะยาว ราคาน้ำมันที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ได้สูงมาก ราคาเฉลี่ยกว่า 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งมีราคาเฉลี่ย 90-100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่สูงถ้าเทียบกับราคาตลาดจร (spot) กว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ด้านเรืออากาศโทเฉลิมพล อินทรวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายช่าง ของ THAI กล่าวว่า การบินไทยจะร่วมกับสายการบินต่างชาติเพื่อร่วมทุนจัดตั้งศูนย์ซ่อมอุปกรณ์อากาศยาน ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนม.ค.59 ทั้งนี้สายการบินต่างชาติที่จะร่วมทุนนั้นเป็นผู้ดำเนินธุรกิจทั่วโลก แต่ในภูมิภาคนี้ยังไม่ได้เข้ามาลงทุนจึงสนใจที่จะร่วมมือกับการบินไทยเพื่อสร้างฐานธุรกิจในไทย รองรับธุรกิจในภูมิภาคนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ