INTUCH รับผลกระทบระยะสั้น ADVANCพลาดประมูล 900MHz แต่เชื่อรักษาเบอร์ 1

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 12, 2016 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฟิลิป เชียง ชอง แทน รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอินทัช และกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์(INTUCH) กล่าวยอมรับว่า จากกรณีที่บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส ไม่ชนะการประมูลคลื่น 900 MHz จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของโดยรวมของกลุ่มอินทัชในปีนี้ ซึ่งเป็นผลกระทบระยะสั้น และมั่นใจว่า ADVANC จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ
"เราต้อง make sure ให้ได้ว่าเราจะรักษาลูกค้าไว้ได้ ซึ่งเอไอเอสทำอยู่ อินทัชพร้อมสนับสนุน..เอไอเอสมีความสามารถแข่งขัน โดยไม่มีคลื่น 900MHz เชื่อว่ายัง maintain เป็น leadership ได้"นายฟิลิป กล่าว

ขณะเดียวกัน กลุ่ม INTUCH ต่อยอดที่จะให้บริการด้าน e-Payment, e-Service ผ่านมือถือ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนแผนธุรกิจของบริการเหล่านี้ในเดือน ก.พ.-มี.ค. 59

ทั้งนี้ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร INTUCH กล่าวถึงการเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวว่า INTUCH ยังคงมุ่งเน้นธุรกิจที่อินทัชดำเนินการอยู่ ได้แก่ กลุ่มเทเลคอม กลุ่มมีเดีย กลุ่มคอนเท้นท์ และ กลุ่มไอที และจะต่อยอดธุรกิจทางด้านการเงิน ที่ตนเองมีประสบการณ์นานกว่า 22 ปี ทั้งด้านสินเชื่อและลูกค้ารายย่อย มองว่าน่าจะมีโอกาสธุรกิจมาก และจะสามารถดำเนินธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

ด้านนายสมประสงค์ บุญยะชัย อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร INTUCH และที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมประมูลคลื่น 900 MHz ชี้แจงเหตุผลว่า ADVANC เห็นว่าราคาประมูลเพิ่มขึ้นไปไม่มีความเหมาะสม และหากชนะการประมูลแล้ว ในปีที่ 4 ต้องจ่ายค่าใบอนุญาตที่เหลือกว่า 6 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นราคาที่ไม่น่าจะทำธุรกิจได้

"เราไม่ได้แพ้ประมูล แต่เราไม่เอา เราเอาเงินที่ต้องจ่ายค่าประมูลมาซื้อ network equipment มาดูแลผู้บริโภคดีกว่า เราไม่ใช้ Emotional และ Feeling ในการประมูล เราไม่ใช่เจ้าของกิจการ ผมมั่นใจว่าบริษัทจะเดินไปได้ด้วยดี"นายสมประสงค์ กล่าว

สำหรับลูกค้าของ ADVANC ที่ยังอยู่คลื่น 900 MHz ที่เหลืออยู่ราว 12 ล้านเลขหมาย มั่นใจว่าบริษัทรู้จักลูกค้าดี และสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ผ่าน sms โดยเสนอให้รับเครื่องมือถือฟรี ซึ่งกลยุทธ์นี้ทำได้เร็วกว่ารายอื่น เชื่อว่าบริษัทจะใช้เวลาไม่นานในการนำลูกค้าคลื่น 900MHz กลับมาเป็นลูกค้า ADVANC เหมือนเดิมได้

ขณะที่มนายสมประสงค์ มองว่า บริษัท แจส โมบาย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลคลื่น 900 MHz และเป็นรายใหม่ หากจะใช้กลยุทธตัดราคาค่าบริการก็ไม่น่าจะเป็นผลดี เพราะแจสจำเป็นต้องลงทุนโครงข่ายให้เพียงพอรองรับการบริการ และยังมีภาระจ่ายค่าใบอนุญาตในปีแรก 8 พันล้านบาท ปีที่สอง 4 พันล้านบาท และปีที่สาม 4 พันล้านบาท จากนั้นในปีที่ 4 ต้องจ่ายกว่า 6 หมื่นล้านบาทน่าจะเป็นภาระที่หนักสำหรับรายใหม่

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ ADVANC ไม่ชนะประมูลคลื่น 900MHz ทำให้ราคาหุ้นกลุ่ม INTUCH ปรับตัวลงอย่างมาก นายสมปะสงค์ กล่าวว่า กลุ่ม INTUCH ยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน โดยเห็นว่าราคาขณะนี้ก็เริ่มปรับตัวขึ้นแล้ว และเมื่อเทียบกับผลตอบแทน (yield) ต่อเงินปันผลสูงขึ้น ทั้งนี้ย้ำว่า ADVANC ยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลเหมือนเดิม คือจ่าย 100%ของกำไรสุทธิ ส่วน INTUCH จะจ่ายเงินปันผลส่วนใหญ่ที่ได้จากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยหลังหักค่าใช้จ่าย

นายสมประสงค์ ยังกล่าวว่า กลุ่ม INTUCH ไม่มีแผนขยายธุรกิจโทรศัพท์มือถือในต่างประเทศ เพราะเห็นว่าตลาดอิ่มตัวแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน ยกเว้นประเทศ สปป.ลาว ส่วนธุรกิจดาวเทียม ที่อยู่ภายใต้การบริหารของบมจ.ไทยคม (THCOM) ในปีนี้เตรียมจะยิงดาวเทียมไทยคม 8 ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเห็นว่าอนาคตธุรกิจดาวเทียมยังได้รับการตอบสนองจากประชากรโลกที่มีชุมชนทั่วโลกมากขึ่น

วันนี้ INTUCH เปิดตัวนายฟิลิป เชียง ชอง แทน รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม INTUCH ด้วยวัย 50 ปี ซึ่งได้รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ม.ค.59 แทนนายสมประสงค์ ส่วนตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการได้รับตำแหน่งเมื่อ 1 พ.ย.58 และจะมีการนำเสนอแผนที่ได้ดำเนินงานไป 100 วัน ต่อคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 20 ม.ค.นี้

"การเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและมีความท้าทายอย่างมาก เป็นโอกาสสำคัญสำหรับผมในการเป็นผู้นำองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือพัฒนาสังคมและประเทศมาโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สำหรับผมถือเป็นบทบาทที่ยิ่งใหญ่และมีคุณค่ามาก คุณสมประสงค์ได้วางรากฐาน วางกลยุทธ์ การดำนเนินงานที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน และดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรม"นายฟิลิป กล่าว

ขณะที่นายสมประสงค์ซึ่งทำงานในกลุ่ม INTUCH มา 24 ปี และอยู่ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร INTUCH 8 ปี ได้กล่าวถึงนายฟิลิปว่า ผมมีความเชื่อมั่นในตัวนายฟิลิป เพราะเท่าที่รู้จักเห็นว่าเป็นผู้ที่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้นำ มีความเฉลียวฉลาด และมีวิสัยทัศน์กว้างไกลที่จะสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร และยังมีความรู้ความสามารถสั่งสั่งประสบการณ์ด้านการเงิน การธนาคาร และด้านอื่นๆมากมาย ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับการบริหารงานของอินทัช ที่เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Holding Company) ให้เจริญก้าวกน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ