หุ้น TMB บวก 4.17% มาอยู่ที่ 2.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 318.70 ล้านบาท
หุ้น SCB บวก 3.80% มาอยู่ที่ 123.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 761.29 ล้านบาท
หุ้น KBANK บวก 3.56% มาอยู่ที่ 160 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,311.50 ล้านบาท
หุ้น BBL บวก 3.05% มาอยู่ที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 414.74 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯถึง"กลุ่มธนาคาร"ว่า แนวโน้มกำไรปี 59 น่าจะมีสดใสมากกว่าปี 58 ตามความหวังแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนจากภาครัฐ ในแง่ดีคือกลุ่มธนาคารน่าจะผ่านช่วงเลวร้ายของผลประกอบการในปี 58 ไปแล้ว แต่การกลับมาได้รับความสนใจน่าจะเป็นครึ่งหลังของปี 59 เพราะคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐมากขึ้น รวมถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ที่จะเห็นจุดสูงสุดในช่วงนั้นด้วย
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้น 6.5% ในปี 59 หลัก ๆ มาจากสำรองฯที่ลดลงจากฐานสูงในปี 58 โดยเลือก KBANK (ราคาเหมาะสม 210 บาท) เป็น Top Pick ในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ขณะที่ TMB (ราคาเหมาะสม 3.04 บาท) และ TCAP (ราคาเหมาะสม 43 บาท) น่าสนใจในหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดกลาง
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/58 ของกลุ่ม ที่ราว 4 หมื่นล้านบาท ลดลง 10% จากไตรมาสก่อน และ 19% จากงวดปีก่อน จากการคาดการณ์ว่าธนาคารจะพิจารณาตั้งสำรองหนี้สูญมากกว่าระดับปกติอีกครั้งในไตรมาสสุดท้ายของปี เพื่อสะท้อนมุมมองระมัดระวังต่อคุณภาพสินเชื่อในปี 59 ประกอบกับเป็นไตรมาสที่จะมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานสูงตามฤดูกาลด้วย เมื่อรวมกับกำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรกปี 58 คาดว่ากลุ่มธนาคารจะมีกำไรสุทธิปี 58 ที่ราว 1.86 แสนล้านบาท ลดลง 8.8% จากปีก่อนหน้าและเป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 50 ที่กลุ่มธนาคารมีกำไรสุทธิหดตัวลงและหยุดการสร้างสถิติกำไรสูงสุดที่ทำได้มา 7 ปีติดต่อกันเนื่องจากในปี 58 มีการตั้งสำรองหนี้สูญที่สูงขึ้นเพื่อรองรับหนี้เสียจากกลุ่มบมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI) และกลุ่มอื่นๆด้วย โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี