(เพิ่มเติม) SPALI เป้าปี 59 ยอดขาย 2.5 หมื่นลบ.-รายได้ 2.2 หมื่นลบ.เปิด 29-35 โครงการใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 18, 2016 14:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ศุภาลัย(SPALI) เปิดเผยแผนธุรกิจปี 59 ตั้งเป้ายอดขาย 24,500 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 22,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 29-35 โครงการ แยกเป็นโครงการแนวราบ 22-25 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 7-10 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 36,570 ล้านบาท และกำหนดงบประมาณการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมประมาณ 8,000 ล้านบาท

บริษัทยังคงพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะโครงการแนวราบ เพื่อขยายไปยังหัวเมืองต่างๆ ในภูมิภาคที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมจะมีเน้นลงทุนไปยังหัวเมืองท่องเที่ยว ปัจจุบันจังหวัดที่บริษัทมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต อุดรธานี ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง อุบลราชธานี นครราชสีมา อีกทั้งมีแผนขยายการลงทุนพัฒนาโครงการเพิ่มเติมในนครศรีธรรมราช

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ SPALI กล่าวว่า ในปี 59 บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 24,500 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้สูงถึง 23,069 ล้านบาท ขณะที่วางเป้าหมายรายได้ราว 22,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 37,879 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 13,741 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯ ไปถึงปี 62

บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 29-35 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 36,570 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบในต่างจังหวัด 13 โครงการ กรุงเทพฯและปริมณฑล 9-12 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมต่างจังหวัด 1 โครงการ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล 6-9 โครงการ

นอกจากนี้ บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ประมาณ 8 พันล้านบาท ซึ่งยังคงพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะโครงการแนวราบ เพื่อขยายไปยังหัวเมืองต่างๆ ในภูมิภาคที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมก็จะเน้นลงทุนไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวเช่นกัน เช่น จ.เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต อุดรธานี ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง อุบลราชธานี นครราชสีมา และนครศรีธรรมราช

"ปีนี้เราตั้งเป้ายอดขาย 24,500 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนมาจากแนวราบ 52% และแนวสูง 48% ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอโอนอยู่ 37,879 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 62 แบ่งเป็น 13,741 ล้านบาทในปีนี้ และปี 60 ราว 11,290 ล้านบาท ปี 61 ราว 9,064 ล้านบาท และ 3,784 ล้านบาทในปี 62 อย่างไรก็ตาม ปีนี้เป็นปีที่จะเห็นแนวราบเปิดตลอดทั้งปี โดยราคาบ้านจะมีทั้งระดับกลาง-บน เฉลี่ย 6-7 ล้านบาท/ยูนิต"นายไตรเตชะ กล่าว

สำหรับการลงทุนโครงการในต่างประเทศ บริษัทฯคาดปีนี้มีโอกาสที่จะร่วมลงทุนในโครงการออสเตรเลีย 5 ซึ่งมีความสนใจเข้าร่วมลงทุนในอาคารสำนักงานให้เช่า(office building)จากที่ผ่านมาได้เข้าร่วมลงทุนในออสเตรเลียแล้ว 4 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 878 ล้านบาท และร่วมลงทุนโครงการอาคารสำนักงานให้เช่า ในกรุงมันิลา ฟิลิปปินส์ 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 840 ล้านบาท โดยการลงทุนต่างประเทศ มีนโยบายในการลงทุนที่ต้องมีความเสี่ยงต่ำ ,มี IRR 20% และลงทุนไม่เกิน 10% ของทรัพย์สินสุทธิ

อีกทั้งบริษัทฯยังอยู่ระหว่างการศึกษาการขยายการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย เมียนมาร์ เวียดนาม และกัมพูชา แต่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะชัดเจนได้เมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับผลของการศึกษา ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นเลยก็เป็นไปได้หมด

ด้านนายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร SPALI กล่าวเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจไทยในปี 59 มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น จากปัจจัยต่างๆ ทั้งการลงทุนภาครัฐ การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนที่จะดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการท่องเที่ยว การส่งออก ที่มีการเติบโตที่ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของตลาดอาเซียน และสหรัฐอเมริกา

ขณะที่ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ยังคงได้รับแรงกระตุ้นจากมาตรการของภาครัฐในการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% เหลือ 0.01% และค่าธรรมเนียมการจดจำนองอยู่ที่ 1% มาอยู่ที่ 0.01% ซึ่งมีผลบังคับใช้จนถึง 28 เม.ย.59 อย่างไรก็ตามภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะต้องปรับตัวเตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุค AEC ทั้งตลาดที่กว้างขึ้น การพัฒนาคุณภาพงาน การบริหารจัดการต้นทุน การสร้างความพึงพอใจในการบริการ ตลอดจนการเคลื่อนย้ายทั้งเงินทุนและแรงงานข้ามประเทศจะมีมากขึ้น

"ปีนี้ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนแบงค์ชาติ ได้ประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3% โดยเรามองว่าแม้ปีนี้จะเป็นปีที่ผันผวน แต่เชื่อว่าภาพรวมจะดีขึ้น จากการลงทุนภารัฐ การบริโภค การลงทุนภาคเอกชน และการส่งออก อย่างไรก็ตามภาคอสังหาริมทรัพย์ก็จะดีขึ้น และน่าจะเติบโตได้ 5% โดยเฉพาะแนวราบไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งมีปัจจัยมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ราคาน้ำมันลดลง ส่งผลให้ประชาชน กลุ่มคนทำงาน น่าจะมีเงินออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น"นายประทีป กล่าว

พร้อมกันนี้บริษัทฯมีแผนที่จะไปโรดโชว์ในประเทศจีนเร็วๆนี้ เพื่อนำโครงการคอนโดมิเนียมไปเสนอขายในตลาดจีน ราคาราว 2-10 ล้านบาท/ยูนิต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับตัวแทนขายราว 2-3 รายในเรื่องของผลตอบแทน และรายละเอียดอื่นๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ