(เพิ่มเติม) ซุปเปอร์ริชฯ เตรียมเข้าจดทะเบียนตลาด mai ใน 3 ปี คาดสรุป AIRA เข้าถือหุ้นปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 19, 2016 11:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปิยะ ตันติเวชยานนท์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซุปเปอร์ริช อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็กซ์เชนจ์ (1965) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังยืนยันว่าจะนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายใน 3 ปี นับจากปี 59 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างหาที่ปรึกษาทางการเงิน(FA) และผู้ตรวจสอบบัญชี

ส่วนแผนการร่วมทุนกับบมจ. ไอร่า แคปปิตอล (AIRA) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ หลังมีความล่าช้าจากปี 58 ที่ผ่านมา เนื่องจากติดปัญหาการจัดทำโครงสร้างทางบัญชี รวมถึงโครงสร้างใหม่ของการถือหุ้น โดยทาง AIRA จะเข้าถือหุ้นในบริษัทฯไม่ต่ำกว่า 50% มูลค่าราว 2,000 ล้านบาท

สำหรับในปี 59 บริษัทตั้งเป้าขยายธุรกิจ 10-15% ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิคาดเติบโตราว 10% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิราว 7-10 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายสาขาใหม่ในปีนี้ราว 10 สาขา จากช่วงปี 57-58 ราว 8 สาขา โดยจะเน้นการขยายสาขาตามสถานีรถไฟฟ้า BTS ห้างสรรพสินค้า และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ

ปัจจุบัน ซุปเปอร์ริชฯ มีสาขาที่ให้บริการทั้งสิ้น 30 สาขา รวมทั้งมีสกุลเงินต่างประเทศพร้อมให้บริการมากถึง 34 สกุลเงิน

พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแลกเงินมาใช้รวมทั้งบริการเสริมอื่นๆ อาทิ บริการจองเงินผ่านระบบออนไลน์และ Call Center โดยสามารถไปรับเงินได้ที่สาขาที่สะดวก นอกจากนี้ ในอนาคตอาจจะมีตู้แลกเงินอัตโนมัติ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวนสูงถึง 29 ล้านคน ผนวกกับนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจรับเลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทมองว่าจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาครัฐรวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)จะทำให้มีชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น

พร้อมปรับเปลี่ยนโลโก้ให้มีความทันสมัยแตกต่างจากคู่แข่ง

นายปิยะ กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้าปริมาณธุรกรรมในปีนี้จะเติบโต 10% จากปี 58 ที่มีมูลค่าการซื้อ-ขายเงินสกุลต่างประเทศ 1.25 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากเปิด AEC คาดว่าปริมาณการซื้อ-ขายเงินสกุลต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในไทยมากขึ้น ทั้งนี้ จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนในช่วงนี้ บริษัทฯ ได้มีการสต็อกดอลลาร์ไว้ เนื่องจากมองแนวโน้มค่าเงินบาทจะอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วเมื่อเดือนธ.ค. ที่ผ่านมาและมีโอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ โดยประเมินค่าเงินบาทสิ้นปีนี้ที่ 38 บาท/ดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ