SCB เผยปี 58 กำไร 47.2 พันลบ.ลดลง 11.5% เทียบปีก่อนจากตั้งสำรองเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 19, 2016 17:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารไทยพาณิชย์(CB)รายงานผลกำไรสุทธิปี 58 จำนวน 47.2 พันล้านบาท ลดลง 11.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ส่งผลให้การเติบโตของภาคเอกชน รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ชะลอตัวลง

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิลดลงมาจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้นมากเพื่อรองรับสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เกิดขึ้นและการตั้งสำรองครบจำนวนตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยสำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ 1 ราย คือ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI) และบริษัทลูกในประเทศอังกฤษ ซึ่งตัดหนี้สูญแล้ว คือ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ประเทศอังกฤษ(SSI UK) ซึ่งถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพในไตรมาสที่ 3/58

อย่างไรก็ตาม รายได้โดยรวมของธนาคารยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อนแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายลงทุนมากขึ้น

สำหรับไตรมาส 4/58 ธนาคารมีกำไรสุทธิ (ก่อนสอบทาน) จำนวน 11,795 ล้านบาท ลดลง 3.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้น

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ SCB กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากของภาคสถาบันการเงินรวมทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ เนื่องจากมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ธนาคารมีผลประกอบการลดลงจากปีก่อน ในภาวะที่เศรษฐกิจของโลกและประเทศไทยชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ธนาคารได้มุ่งเน้นที่จะดูแลช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารอย่างใกล้ชิดไปพร้อมกับการบริหารความเสี่ยงในทุกๆ ด้านอย่างเข้มข้น

สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในปี 58 เพิ่มขึ้น 2.1% จากปี 57 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินฝาก เป็นไปตามกลยุทธ์ของธนาคารในการลดต้นทุนเงินฝาก รวมทั้งจากการเติบโตของสินเชื่อในระดับปานกลาง แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในครึ่งปีแรก ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 16% จากปี 57 ส่วนใหญ่เป็นผลจากกำไรจากการขายเงินลงทุนตราสารทุนที่บันทึกในไตรมาส 3/58 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการตั้งสำรองที่สูงในไตรมาสดังกล่าว ในขณะที่รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการ และรายได้จากธุรกรรมปริวรรตเงินตราต่างประเทศยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 58 อยู่ที่ 2.89% เพิ่มขึ้นจาก 2.11% ณ สิ้นปี 57 แต่ลดลงจาก 3.02% ในไตรมาสก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสินเชื่อด้อยคุณภาพส่วนใหญ่เกิดจากบริษัท SSI ซึ่งได้ถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพในไตรมาส 3/58 และจากลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และลูกค้าสินเชื่อเคหะ ตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ในขณะเดียวกันหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 16,509 ล้านบาทเป็นจำนวน 29,723 ล้านบาท ในปี 58 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรสุทธิลดลงในปีนี้ แต่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงเป็น 109.8% ณ สิ้นปี 58 จาก 138.1% ณ สิ้นปี 57 แต่สูงกว่าระดับ 100.8% ณ สิ้นไตรมาสก่อน

นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCB กล่าวว่า ผลประกอบการประจำปี 58 ลดลงจากสาเหตุหลายอย่างรวมทั้งจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่คณะผู้บริหารและพนักงานจะยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ SCB มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้ต่อไปในอนาคต จากการวางกลยุทธใหม่ๆ ที่ได้ริเริ่มตามที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งขับเคลื่อนจากความร่วมมือร่วมใจของชาวไทยพาณิชย์ และหวังว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ในการเป็นธนาคารที่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน และสังคมเลือก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ