SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,245.61 จุด ลดลง 3.37 จุด(-0.27%) มูลค่าการซื้อขาย 41,498.67 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางความกังวลการชะลอตัวเศรษฐกิจจีนและทิศทางราคาน้ำมันขณะที่ไม่มีปัจจัยใหม่ที่มีน้ำหนักมาผลักดันตลาดทำให้ภาพรวมยังไร้ทิศทาง และมีแนวโน้มเคลื่อนไหว sideway ต่อพรุ่งนี้ แต่อาจมีลักษณะสวิงตัวแรงระหว่างวัน มองกรอบ 1,237-1,260 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,245.61 จุด ลดลง 3.37 จุด(-0.27%) มูลค่าการซื้อขาย 41,498.67 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยดัชนีปรับขึ้นทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,263.67 จุด และปรับลงทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1,237.56 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 365 หลักทรัพย์ ลดลง 592 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 318 หลักทรัพย์
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนอย่างมากในวันนี้หลังได้รับปัจจัยภายนอกที่ตลาดหุ้นต่างประเทศค่อนข้างสวิงตัว โดยดัชนี SET ดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค และเมื่อตลาดภูมิภาคปรับลงในช่วงบ่ายจากความกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และทิศทางราคาน้ำมัน จึงทำให้ตลาดบ้านเราปรับตัวลงตามไปด้วย
ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่มีน้ำหนักจะผลักดันให้ภาพรวมตลาดมีทิศทางชัดเจนมากนัก โดยยังเป็นลักษณะของ sideway เมื่อดัชนีดีดตัวขึ้นไปแรงก็จะมีแรงขายออกมา และเมื่อดัชนีปรับลดลงมาระดับหนึ่งก็จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้ให้น้ำหนักต่อการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)ในวันนี้มากนัก โดยคาดว่า ECB จะยังผ่อนคลายทางการเงินต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับลดลงก็จะกดกันหุ้นพลังงานต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่อาจมีผลไม่มากเหมือนที่ผ่านมา เพราะเมื่อราคาปรับลงไปมากแล้วก็จะเริ่มมีการซื้อกลับบ้าง ขณะที่การลงทุนในหุ้นขนาดเล็กต้องพิจารณาเป็นรายตัวที่มี performance แข็งแรง
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ มองว่าดัชนีจะยังเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับวันนี้ และอาจสวิงแรงระหว่างวัน โดยหากตลาดเช้าเปิดบวก ช่วงบ่ายอาจพลิกเป็นลบ หรือหากตลาดเช้าเปิดลบ ช่วงบ่ายก็มีโอกาสพลิกเป็นบวก แต่โดยรวมคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,237-1,260 จุด แนะติดตามผลประชุม ECB, ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ รวมทิศทางค่าเงินหยวน หากอ่อนค่าก็อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าตามไปด้วย ซึ่งจะหนุนให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกมาได้
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 3,259.88 ล้านบาท ปิดที่ 157.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,540.20 ล้านบาท ปิดที่ 162.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,391.00 ล้านบาท ปิดที่ 204.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,470.37 ล้านบาท ปิดที่ 402.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,417.19 ล้านบาท ปิดที่ 2.90 บาท ลดลง 0.10 บาท