พร้อมแนะนำเข้าซื้อช่วงหุ้นปรับฐาน เชื่อพื้นฐานเศรษฐกิจจีนยังดีอยู่ ภาครัฐเน้นการเติบโตจากการบริโภคในประเทศรวมถึงภาคบริการเป็นหลัก มั่นใจว่าทางการจีนพร้อมดำเนินมาตรการทั้งการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตในระดับ 6.5-7.0% โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกแล้วถึงวันที่ 28 ม.ค.59 นี้
"อัตราการเติบโตของ GDP จีนเมื่อไตรมาส 4 ปี 2558 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 6.8% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อยเท่านั้น ทำให้อัตราการเติบโตทั้งปีของ GDP จีนเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 6.9% ซึ่งไม่หลุดจากการตั้งเป้าหมายของรัฐบาล และยังถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน กระนั้นทางการจีนยังพร้อมจะดำเนินมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ เห็นได้จากธนาคารกลางจีน (PBoC) มีการทยอยปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดยังดำเนินการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินอีกกว่า 4 แสนล้านหยวนเพื่อลดความผันผวนของค่าเงิน อีกทั้งมูลค่าของตลาดหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ถูกกว่าในสมัยเกิดวิกฤติฟองสบู่ในสหรัฐฯ ที่เป็นสาเหตุให้เศรษฐกิจทั่วโลกหดตัว แต่สภาพเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันถือว่ายังเติบโตได้ดี ซึ่งแตกต่างจากในล่าวช่วงนั้นเป็นอย่างมาก ล่าสุด Price to Book Value ของดัชนี HSCEI Index (H-Share) มี P/B อยู่ในระดับเพียง 0.7 เท่า ขณะที่ forward P/E อยู่ในระดับ 6-7 เท่า เมื่อพิจารณากับปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นจีนแล้ว เราจึงมองว่า Downside ด้านราคามีค่อนข้างจำกัด ถือเป็นโอกาสของนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูง และรับความเสี่ยงของความผันผวนในระยะสั้นได้"นายสาห์รัช กล่าวกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% #24 ถือเป็นกองทุนที่ 24 ในซีรีส์ทริกเกอร์ฟันด์หุ้นจีน โดยจะเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำของจีน ผ่านกองทุนHang Seng H-Share Index ETF ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี HSCEI หรือ H-Shares โดยมีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท และเนื่องจากกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้