บลจ.กรุงศรีขายกองทุนตราสารหนี้ตปท.อายุ 6 เดือน ชูผลตอบแทน 1.75%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 28, 2016 16:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M19 (KFFAI6M19) อายุประมาณ 6 เดือน เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ลงทุนขั้นต่ำ 510,000 บาท ประมาณการผลตอบแทน 1.75% ต่อปี

กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศหรือเงินฝาก เช่น เงินฝากธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน ,มาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Agricultural Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน , ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร China Construction Bank (สาธารณรัฐประชาชนจีน , ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% และเงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 20%

ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 1.75% ต่อปี (ประมาณการค่าใช้จ่ายของกองทุนที่0.12%ต่อปีของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ) และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรี ตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป

“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M19 (KFFAI6M19) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน"นางสาวศิริพร กล่าว

นางสาวศิริพร กล่าวถึงภาวะตลาดตราสารหนี้โลกว่า อัตราดอกเบี้ยยังคงมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อไป เนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำส่งผลให้ไม่มีแรงกดดันเงินเฟ้อ ในขณะที่เศรษฐกิจยุโรป จีน ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่หลายประเทศมีแนวโน้มที่จะยังคงอ่อนแอ และมีความเป็นไปได้ที่หลายประเทศจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และอาจมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ล่าสุดธนาคารกลางยุโรปประกาศคงอัตราดอกเบี้ย แต่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนมากขึ้นว่าอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะใช้อาจรวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกมากกว่า 0.10% การเพิ่มขนาดของการซื้อสินทรัพย์อีกเดือนละ 1 หมื่นล้านยูโร และการเพิ่มการปล่อยสินเชื่อให้กับธนาคารพาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ยต่ำและคงที่

ในส่วนของธนาคารกลางจีนระบุว่าได้ตั้งอัตราการกันสำรองขั้นต่ำสำหรับการฝากเงินเป็นเงินหยวนในประเทศของธนาคารต่างชาติเพื่อสกัดการเก็งกำไรค่าเงิน โดยจะเริ่มมีผลในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบจำนวนมากผ่านทางระบบธนาคารเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 4/58 โต 6.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และทั้งปีโต 6.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า"

นอกจากนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ส่งสัญญาณว่าอาจมีการใช้นโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติมหากการแข็งค่าของค่าเงินเยนและการปรับลดลงของราคาหุ้นส่งผลให้มีความเสี่ยงมากขึ้นที่อัตราเงินเฟ้อจะไม่เพิ่มเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% และธนาคารกลางมาเลเซียได้ประกาศลดอัตราการกันสำรองขั้นต่ำลง 0.50% สู่ 3.50% โดยระบุถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ

สำหรับอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 0.01 – 0.05% ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลง 0.00 – 0.08% โดยที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางปรับตัวลดลงมากกว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว (ข้อมูล:บลจ. กรุงศรี ณ 26 ม.ค. 59)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ