สำหรับธุรกิจน้ำมัน บริษัทยมีแผนขยายสถานีบริการน้ำมันในปีนี้เพิ่มเป็น 1,500 แห่งทั่วประเทศ จากสิ้นปี 58 มีอยู่ 1,150 แห่ง และตั้งเป้าปี 61 จะมีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็น 2,400 แห่ง อีกทั้งในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ ก็เตรียมเปิดสาขาในกรุงเทพฯ ให้ได้ 25-30 แห่งต่อปี วางงบลงทุนไว้ 2-3 พันล้านบาท พร้อมกันนั้นบริษัทฯจะมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพื้นที่ในสถานี ทั้งจาก Internation brand และ Business to Business พร้อมสนับสนุน Sartups และ SMEs ตลอดจนมุ่งเพิ่มจำนวนสมาชิกบัตรแม็กซ์การ์ดเป็น 5.6 ล้านสมาชิกในปีนี้ จากปีก่อนมีอยู่ 3.8 ล้านสมาชิก
"รายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีให้บริการเป็นหลัก รวมถึงขยายตลาดไปสู่กลุ่มผลิภัณฑ์ใหม่ โดยเร็วๆนี้จะเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง อย่างเร็วภายในไตรมาส 2/59"นายพิทักษ์ กลาสว
ส่วนธุรกิจค้าปลีก คือ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และร้านสะดวกซื้อ MAX MART วางงบลงทุนไว้ 300 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาเพิ่มขึ้น
ขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานนั้น บริษัทฯเตรียมเซ็นสัญญากับพันธมิตร ในไตรมาส 2/59 เพื่อร่วมลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะเฟสแรก ขนาด 2 เมกะวัตต์ ก่อนจะขยายเพิ่มเป็น 4.5 เมกะวัตต์ ในระยะต่อไป ซึ่งบริษัทฯจะถือใหญ่ในโครงการดังกล่าว โดยคาดจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในช่วงปลายปี 60 วางงบลงทุนราว 100 ล้านบาท
อีกทั้งในไตรมาส 3/59 บริษัทฯจะดำเนินการก่อสร้างโรงงานเอทานอล กำลังการผลิต 2 แสนลิตร/วัน และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในปี 61 ซึ่งโครงการดังกล่าวจะร่วมกันกับพันธมิตร โดยบริษัทฯจะถือหุ้นในสัดส่วน 50% ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการมันสัมปะหลังเพื่อนำวัตถุดิบมาป้อนให้กับกระบวนการผลิตเอทานอล วางงบลงทุนราว 1,500 ล้านบาท
ด้านโครงการอุตสาหกรรมปาล์ม คอมเพล็กซ์ ก่อสร้างแล้ว 22% จะเริ่มวางเครื่องจักรได้ในช่วงปลายปีนี้ และจะเดินเครื่องผลิตได้ในไตรมาส 2/60
นายพิทักษ์ ยังกล่าวถึงการเข้าซื้อหุ้นบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันอากาศยาน และน้ำมันภาคพื้นดินผ่านระบบท่อ คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 9.55% บริษัทฯมีความพร้อมเดินหน้าธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานด้านการขนส่งไปยังคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันทางภาคเหนือที่เพิ่มขึ้นในทุกปี โดยบริษัทฯจะชำระค่าหุ้นจำนวน 399 ล้านบาท ในช่วงปลายเดือนนี้
สำหรับบริษัท อาม่า มารีน หรือ AMA ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางทะเล และทางบก ที่มีการเติบโตสูง สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่บริษัท ช่วยบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งให้ดียิ่งขึ้น โดยบริษัทฯจะใส่เงินเพิ่มทุนจำนวน 622 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้น 3.2%
นายพิทักษ์ กล่าวว่า บริษัทฯจะเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 1,500 ล้านบาท จากทั้งหมดที่คณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นอนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอขายได้ประมาณปลายเดือน ก.พ.59 โดยเงินดังกล่าวจะนำใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจ