ERW ตั้งงบลงทุนปี 59-63 ราว 1 หมื่นลบ.รุกอาเซียน,รายได้รวมปี 59 โต 15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 10, 2016 15:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เปิดเผยว่า บริษัทฯวางงบลงทุนรวมใน 5 ปี (ปี 2559-2563) ที่ ราว 10,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงแรมใหม่ในไทยและอาเซียน ตามแผนสิ้นปี 63 จะมีโรงแรมในไทยและอาเซียนทั้งหมด 95 แห่ง จำนวน 10,000 ห้องพัก จากปัจจุบันมี 33 แห่ง จำนวน 5,676 ห้องพัก โดยจะเข้าไปลงทุนในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นแห่งแรกเพื่อก่อสร้างโรงแรมภายใต้แบรนด์ Hop INN ซึ่งเป็นโรงแรมระดับราคาประหยัดเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการลงทุนด้วยตัวเองโดยปีนี้จะเปิด 1 แห่ง

สำหรับในปี 59 บริษัทตั้งงบลงทุนอยู่ที่ 1,700 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงแรมแบรนด์ Hop INN ราว 10 แห่ง แต่คาดว่าจะเปิดดำเนินการในปีนี้ได้ 6 แห่งในไทย และอีก 1 แห่ง ในฟิลลิปินส์ รวมปีนี้เปิดโรงแรมใหม่ 7 แห่ง ซึ่งจะทำให้สิ้นปีนี้มีโรงแรมภายใต้การบริหารครบ 40 แห่ง โดยในระยะ 5 ปีจากนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตเฉลี่ยปีละ 11% แต่ปี 59 ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตได้ 15% จากปี 58 ที่รายได้ 5,300 ล้านบาท ปี 59 คาดแตะ 6,000 ล้านบาท และปี 63 แตะ 10,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากอาเซียนในปี 63 จะอยู่ที่ 10% จากปัจจุบันไม่มี ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) จะอยู่ที่ระดับ 13%

"ใน 5 ปีนี้ คาดรายได้โตเฉลี่ย 11% ต่อปี ยกเว้นปี 59 ที่คาดโต 15% ได้ แต่ต่อไปอาจเฉลี่ยที่ 11% ซึ่งปี 59 รายได้จะโตจากทุกกลุ่มโรงแรมในไทยที่เป็นโรงแรมเดิม และที่เปิดใหม่ในปี 57-58 ซึ่งปีนี้ก็จะโฟกัสที่ไทยและฟิลิปปินส์ อาเซียน 10 ประเทศ สำรวจทุกประเทศแล้ว เด่นสุดคือไทย และฟิลิปปินส์ที่ซัพพลายน้อย แต่ดีมานด์โต อัตราการเข้าพักก็ดี เราจึงเลือกที่จะลงทุนเพิ่มในไทยและฟิลิปปินส์ โดยจะเปิด mid-scale สำหรับงบฯ 5 ปี หมื่นล้านบาท มากกว่างบฯ 5 ปีก่อนหน้าที่ใช้ไปเพียง 4,000 ล้านบาท แหล่งเงินที่จะมาลงทุนจากกระแสเงินสดจากโอเปอเรชั่น เงินสนับสนุนหรือเงินกู้จากโครงการเป็นหลัก ซึ่งเงินกู้นี้รวมถึงจากแบงก์และการออกบอนด์ ซึ่งปีนี้กำลังดูอยู่ว่าจะออกบอนด์ช่วงเวลาไหนที่ที่เหมาะสม"นางกมลวรรณ กล่าว

นางกมลวรรณ กล่าวว่า ในปี 59 คาดว่าอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 80% สูงกว่าปี 58 ที่เฉลี่ย 73% เพราะมองว่าปีนี้เศรษฐกิจในประเทศน่าจะดีกว่าปีก่อน จากการที่ภาครัฐพยายามผลักดันให้โครงการลงทุนออกมาเป็นปัจจัยบวก และปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มขึ่น ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าลงจนทำให้ปัจจุบันอยู่ที่ราว 36 บาท/ดอลลาร์ก็ช่วยหนุนให้ต่างชาติมาเมืองไทยมากขึ้นเพราะค่าโรงแรมไม่สูงมาก

สำหรับโรงแรมแบรนด์ Hop INN มีคนสนใจสอบถามเข้ามาจำนวนมากที่จะซื้อแฟรนไชส์ ซึ่งบริษัทก็คาดว่าน่าจะสามารถขายแฟรนไชส์ได้ในปีนี้ โดยจะขายให้ผู้สนใจในประเทศก่อน แต่ที่สอบถามเข้ามามีทั้งจากในและต่างประเทศ ทั้งนี้ การขายแฟรนไชส์เบื้องต้นเป็นเพียงการขยายเครือข่ายก่อนเท่านั้น

บริษัทอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อวางแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) คาดว่าจะได้ข้อสรุปในครึ่งแรกปี 59 นี้ ขนาดกองที่น่าสนใจสำหนับนักลงทุนราว 1,500-1,700 ล้านบาท เล็งนำโรงแรม 2 แห่งขายเข้ากอง ซึ่งการตั้งกอง REIT เป็นการเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุน

"กลุ่มโรงแรมที่ขยายการลงทุนแล้วได้ผลยังเป็น lower segment กลุ่ม mid-scale และ economy ขณะที่ในต่างจังหวัด การลงทุนในกลุ่ม Budget ตอบรับดี"

นางกมลวรรณ กล่าวว่า สำหรับสัดส่วนการลงทุนใน 5 ปีข้างหน้า จะแบ่งเป็น 55% ในไทย 30% ในฟิลลิปปินส์ และ 15% จะใช้สำหรับปรับปรุงสินทรัพย์ ขณะที่ในปีนี้บริษัทฯมีแผนนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศราว 30 ครั้ง โดยในต่างประเทศมีแผนไปโรดโชว์ที่ สิงคโปร์ ฮ่องกง ยุโรป ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ