(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามตลาดต่างประเทศ-ราคาน้ำมันร่วงถ่วงตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 24, 2016 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง ตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ลดลง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงวานนี้จะถ่วงการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่ยังเชื่อว่าเม็ดเงินไหลเข้าที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง และการประกาศผลประกอบการและการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะช่วยประคองตลาดไม่ให้ปรับลดลงมากนัก ทำให้การแกว่งตัวของดัชนีจะอยู่ในกรอบแคบๆ โดยมองแนวรับบริเวณ 1,313/1,310 และแนวต้านที่ 1,332/1,340 จุด

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในวันนี้น่าจะอยู่ในกรอบค่อนข้างแคบ ดัชนีอาจจะย่อตัวลงมากก่อน ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปรับตัวลง หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ

สำหรับราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงมากอาจจะกดดันต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานของตลาดหุ้นไทยด้วย แต่การที่ตลาดยังคงมีเม็ดเงินไหลเข้ามาต่อเนื่อง และการทยอยประกาศผลประกอบการและการประกาศจ่ายปันผลของบจ. น่าจะช่วยประคองดัชนีไม่ให้ปรับลดลงมากนัก

พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,313/1,310 และแนวต้านที่ 1,332/1,340 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ก.พ.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,431.78 จุด ร่วงลง 188.88 จุด (-1.14%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,503.58 จุด ลดลง 67.02 จุด (-1.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,921.27 จุด ลดลง 24.23 จุด (-1.25%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 200.92 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 13.44 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 132.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 1.98 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 5.51 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 17.42 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.85 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ก.พ.59) 1,325.79 จุด เพิ่มขึ้น 5.60 จุด (+0.42%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 974.34 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ก.พ.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ก.พ.59) ปิดที่ 31.87 ดอลลาร์/
บาร์เรล ปิดร่วง 1.52 ดอลลาร์ หรือ 4.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ก.พ.59) ที่ 6.12 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.74 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 35.70-35.80 รอปัจจัยใหม่
  • ตลาดหลักทรัพย์สำรวจความเห็นกรณี ปรับปรุงเกณฑ์ไอพีโอใหม่ หลังพบว่า 2 ปี บจ.ใหม่ที่เข้ามาระดมทุนมีฐานะอ่อนแอ จนถึง"แบกขาดทุน"ประกาศคุมเข้มเพิ่ม เกณฑ์ทุนจดขั้นต่ำ เพิ่มจำนวนสภาพคล่องก่อนเข้าระดมทุน พร้อมกำหนดพาร์ไม่ต่ำกว่า 0.50 บาท ด้านโบรกเกอร์ประสานเสียงหนุน แต่อาจจะกระทบกับแผนระดมทุนแต่ไม่รุนแรง
  • คณะรัฐมนตรีไฟเขียวงบกลาง-เงินกู้ผ่าน ธ.ก.ส.รวมกว่า 9 หมื่นล้านบาท ช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้งพร้อมยกระดับขีดความสามารถ แถมอนุมัติมาตรการค้ำประกันสินเชื่อรายย่อยไม่เกิน 5 ล้านบาท
  • แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เสนอแผนปฏิรูปการคลังการเงินของกระทรวงในระยะ 5 ปีข้างหน้า เสนอให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาและให้ความเห็นชอบ สาระสำคัญของแผนจะมี 12 ยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นทิศทางการดำเนินงานให้รัฐบาลใช้ในการบริหารประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือการดำเนินนโยบายการคลังให้ประเทศไทยหลุดพ้นการติดกับดักของประเทศที่มีรายได้ปานกลาง การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การลดความเหลื่อมล้ำของรายได้คนในสังคม รวมทั้งแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
  • รมว.คมนาคม เผยว่ากระทรวงได้รายงานความคืบหน้าโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนกับภาครัฐ (พีพีพี ฟาสต์แทร็ก) ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าได้ดำเนินการแล้ว 7 โครงการ ในจำนวนนี้ 4 โครงการ เอกชนลงทุนทั้งโครงการ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงิน 5.66 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 5.46 หมื่นล้านบาท รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หัวหิน วงเงิน 9.46 หมื่นล้านบาท และกรุงเทพฯ-ระยอง วงเงิน 1.52 แสนล้านบาท ส่วนอีก 3 โครงการรัฐลงทุนแล้วให้เอกชนเข้าบริหาร ได้แก่ 1.โครงการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค 2.โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ 3.ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองส่วนต่อขยาย สาย 7 ช่วงชลบุรี-พัทยา เปิดให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการด่านและบำรุงรักษา
  • ครม.รับทราบแผนแก้ไขปัญหาการบิน พร้อมปลดล็อกธงแดงสิ้นปี 59 นี้ กพท.รับหากไม่พร้อมจะไม่เรียก ICAO มาตรวจเพราะถ้าไม่ผ่านรอบนี้ถูกแบล็กลิสต์ยาว 5 ปี ขณะที่ "อาคม" รับนักบิน-ช่างซ่อมไทยขาดแคลนสั่ง สบพ.เร่งผลิตด่วน เผย กพท.สั่ง 50 สายการบินในไทย ต้องส่งงบการเงินให้ตรวจภายใน มี.ค.นี้ ใครไม่ส่งถูกยึดใบอนุญาตทันที ด้าน "พาที" มั่นใจ 1 มี.ค. สู่ภาวะปกติ ส่วนผลสอบนักบินป่วนไล่ออกอีก 2 กัปตัน
  • แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานตัวเลขนำเข้าและส่งออกสินค้าไทยเดือน ม.ค. 2559 จากกรมศุลกากร เบื้องต้นพบว่าการส่งออกในเดือน ม.ค.ติดลบมากกว่า 8% แต่ไม่ถึง 9% ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2558
*หุ้นเด่นวันนี้
  • PS (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 34 บาท มองแนวโน้มกำไรสุทธิ Q1/59 ยังคงโดดเด่น และจัดเป็นหุ้นปันผลสูงราว 7% ต่อปี โดยจ่ายเงินปันผลงวด H2/58 ที่ 1.25 บาท/หุ้น มองเชิงบวกการปรับเป็น Holding Company เพื่อขยายธุรกิจใหม่ๆ สร้าง recurring income แนะแลกเปลี่ยนหุ้น PS เป็นหุ้นโฮลดิ้ง คาดโฮลดิ้งเริ่มขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ตั้งแต่ปี 60 ตั้งงบลงทุน 1.5 พันล้านบาท ศึกษาธุรกิจ โรงพยาบาล, โรงแรม, ค้าปลีก หรือ โรงงาน/อาคารสำนักงานให้เช่า เป็นต้น คาดว่าใน 5-10 ปีข้างหน้าโฮลดิ้งจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 80% และธุรกิจอื่นๆ 20%
  • BCP (โกลเบล็ก) แนะ"ซื้อ"แต่ปรับลดราคาเหมาะสมเหลือ 36 บาท จากเดิม 42 บาท ปรับประมาณการกำไรปี 59 ลดลง 15% สู่ 4,716 ล้านบาท จากค่าการกลั่นเริ่มอ่อนตัวลงหลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น คาดราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จะทำให้บริษัทมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบ ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นตัวหนุนต่อกำไรเพิ่มเติมเนื่องจากจะมีกำลังการผลิตใหม่จากประเทศญี่ปุ่น
  • DELTA (ซีไอเอ็มบีฯ) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 101 บาท ปัจจัยผลักดันการเติบโตในปี 59 คือการขยายธุรกิจในอินเดียและรุกขยายผลิตภัณฑ์สำหรับรถยนต์ ประกาศแผนขยายกิจการในอินเดียที่เมือง Bangalore และ Husor และคาดว่าโรงงานที่ Husor จะเปิดดำเนินงานได้ภายในต้นปี 2560 และปันผล 3.10 บาทต่อหุ้น เท่ากับอัตราผลตอบแทน 4%
  • S11 (ทรีนีตี้) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 11 บาท แนวโน้มปี 59 การเติบโตเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่อาจยังไม่ดีนักจากปัจจัยกดดันหลายด้านทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และภัยแล้งที่อาจรุนแรง แต่ด้วยความชำนาญของผู้บริหารที่เน้นปล่อยสินเชื่อในบางพื้นที่ที่กำลังซื้อยังดีจะทำให้ยังโตได้ต่อเนื่อง คาดสินเชื่อปี 59 โตราว 15% YoY คาดกำไรสุทธิที่ 454 ล้านบาท เติบโต 29 %YoY ได้แรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยที่ดีขึ้น ต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่มีสัดส่วนลดลง รวมถึงการขาดทุนรถยึดที่ลดลงหลังจากราคารถจักรยานยนต์มือสองเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ