TTA เผยปี 58 ขาดทุนหนักกว่า 1.13 หมื่นลบ.รับผลการตั้งด้อยค่า-ตั้งสำรอง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 1, 2016 18:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 58 EBITDA และเงินสดจากการดำเนินงานยังบวกที่ 1.8 พันล้านบาทและ 635.5 ล้านบาท แม้จะต้องเผชิญสารพัดปัจจัยลบจากการที่ราคาน้ำมัน ถ่านหิน และอัตราค่าระวางเรือปรับลดลงอย่างมาก ในขณะที่ PMTA ยังคงมีแนวโน้มดีและมีส่วนแบ่งกำไรที่ดีให้ TTA อย่างต่อเนื่อง TTA มั่นใจสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง ด้วยมูลค่าเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นในมือกว่า 1.34 หมื่นล้านบาท เร่งมองหาโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เสริมพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความผันผวน

ทั้งนี้ ในปี 58 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 21,425.8 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน 4% ในขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 1,841.7 ล้านบาท และ EBITDA margin ที่ 9% อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งจำเป็นต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และใช้ความระมัดระวังรอบคอบในการจัดทำรายงานทางบัญชี บริษัทฯ จึงได้บันทึกรายการด้อยค่าที่มีสาระสำคัญและตั้งสำรองบางรายการ ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิทั้งสิ้น 11,335.1 ล้านบาท ขณะที่ผลขาดทุนที่เกิดจากการดำเนินงานจริงอยู่เพียงแค่ 256.3 ล้านบาทเท่านั้น

ทั้งนี้ การตั้งด้อยค่าฯ ดังกล่าวเป็นเพียงการบันทึกรายการทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสดเท่านั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อ สถานะทางการเงินของบริษัทฯ โดยบนงบดุล ณ สิ้นปี 58 บริษัทฯ ยังคงมีเงินสดที่เกิดจากการดำเนินงาน 635.5 ล้านบาท รวมถึงมูลค่าเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวมกันกว่า 13,423 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่า 7.37 บาทต่อหุ้น

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA เปิดเผยว่า ปี 58 เป็นปีที่บริษัทฯ เผชิญวิกฤตอย่างรุนแรงจากสภาวะความผันผวนอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมน้ำมัน เดินเรือ และถ่านหิน ซึ่งมีแนวโน้มว่า ตลาดจะทรงตัวเช่นนี้ไปจนถึงปี 60 ดังนั้น หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว บริษัทจำเป็นที่จะต้องบันทึกรายการพิเศษฯ ดังกล่าว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น และเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีและการตรวจสอบทางการเงินที่ดี

"ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องทางบัญชีเท่านั้น แต่ไม่มีผลต่อสถานะทางการเงินที่ยังคงแข็งแกร่งในระดับเกินหมื่นล้านบาท โดยเราจะมีงบดุลที่สามารถสะท้อนภาพที่การดำเนินงานแท้จริง ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้เราทำผลงานในปี 59 ได้ดีขึ้น"นายเฉลิมชัย กล่าว

TTA ได้วางแผนรับมือกับช่วงขาลงของวัฏจักร ซึ่งสะท้อนผ่านผลงานของโทรีเซน ชิปปิ้ง และเมอร์เมดที่ออกมาดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโดยรวม แต่ยังไม่สามารถต้านทานกระแสการปรับตัวอย่างรุนแรงของตลาดได้ โดยค่าเฉลี่ยของดัชนี BDI ได้ตกลงมาอยู่ที่ 718 จุด หรือลดลง 35% จากค่าเฉลี่ยที่ 1,105 จุดของปี 57 ซึ่งแย่ที่สุดในรอบ 30 ปี

ขณะที่ราคาน้ำมันก็ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจากระดับที่สูงกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อกลางปี 2557 มาอยู่ที่ระดับ 30 เหรียญสหรัฐเมื่อปลายปี 58 อย่างไรก็ดี ธุรกิจปุ๋ยของ บมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ (PMTA) ยังคงมีส่วนแบ่งกำไรที่ดีให้ TTA และเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า การดำเนินกลยุทธ์การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงของบริษัทฯ เป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว

ผลการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจ โทรีเซน ชิปปิ้ง ยังสามารถรักษาอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ย (TCE) ทั้งปีไว้ได้ที่ 7,507 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ BSI ที่ 6,154 เหรียญสหรัฐต่อวันหรือราวๆ 22% ทำให้ EBITDA เป็นบวกที่ 573.2 ล้านบาท ดังนั้น หากไม่รวมการบันทึกรายการด้อยค่าสินทรัพย์ที่เป็นกองเรือ (non-cash impairment) ประมาณ 4,700 ล้านบาทแล้ว โทรีเซน ชิปปิ้ง มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิเพียง 128.8 ล้านบาท

กลุ่มเมอร์เมดยังสามารถทำรายได้รวมเพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 11,527.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจใหม่คือธุรกิจวางสายเคเบิ้ลใต้ทะเล และบริการวิศวกรรมใต้ทะเลประเภทอื่นๆ (ที่ไม่ใช่บริการเรือสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน) โดยรายได้จากธุรกิจส่วนนี้คิดเป็น 33% จากรายได้รวมทั้งหมด ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องหลักความโปร่งใสและเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีที่ดี เมอร์เมดได้ บันทึกรายการด้อยค่าสินทรัพย์และการตั้งสำรองที่ไม่ใช่เงินสดหลายรายการเป็นจำนวน 8,235.6 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้เมอร์เมดมีผลขาดทุนสุทธิ 8,182.2 ล้านบาท แต่มีผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานให้ TTA ที่ 76.8 ล้านบาท

PMTA ยังทำกำไรให้กับ TTA ได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายปุ๋ยเพิ่มขึ้น 6% จาก 3,088 ในปีก่อนมาเป็น 3,258.5 ล้านบาท แม้ว่าต้องประสบปัญหาภาวะฝนแล้งต่อเนื่องจนส่งผลกระทบต่อยอดการอุปโภคปุ๋ยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่รายได้จากการให้เช่าพื้นที่โรงงานเพื่อเก็บสินค้า เติบโตจาก 32.1 ล้านบาท มาเป็น 49.1 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 53% ทั้งนี้ PMTA มีผลกำไรสุทธิสำหรับปี 58 ทั้งสิ้น 233 ล้านบาท

ผลขาดทุนของ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส เพิ่มขึ้นเป็น 371.2 ล้านบาทเมื่อเทียบกับขาดทุน 118.9 ล้านบาทเมื่อปี 57 ซึ่งผลการดำเนินงานที่ลดลงส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก ยอดขายถ่านหินลดลง และการบันทึกรายการพิเศษทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสดที่เป็นการตั้งด้อยค่าและตั้งสำรองจำนวน 271.1 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย มูลค่าของสินค้าคงคลัง เครื่องจักร อาคาร และการลงทุนในบริษัทย่อย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ