พร้อมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ร่วมกันกับพันธมิตรท้องถิ่น ซึ่งมีความสนใจลงทุนในประเทศที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างประเมินมูลค่าสินทรัพย์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วง 3 เดือนจากนี้
นายกิตตินันท์ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตราว 20-25% จากปีก่อนที่ทำได้ 330 ล้านบาท เป็นไปตามค่าใช้จ่ายที่ลดลง โดยเฉพาะเรื่องของดอกเบี้ยจ่ายที่ชำระคืนเงินกู้ หลังจากปี 58 บริษัทรีไฟแนนซ์หนี้ในโครงการเมกะบางนา ซึ่งทำให้ลดดอกเบี้ยลดลง 60-70 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 59 เติบโต 5-10% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 2.95 พันล้านบาท เป็นไปตามการปรับเพิ่มค่าเช่าตามสัญญา 5-10%
ในปีนี้บริษัทยังมีแผนจะขยายพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก 30,000 ตารางเมตรภายในปี 60 จากปัจจุบันมีพื้นที่เช่าราว 4 แสนตารางเมตร โดยปีนี้บริษัทมีแผนขยายและปรัปรุงพื้นที่เช่า แบ่งเป็นโครงการ LPN ทาวน์ชิปรังสิตคลอง 1 เพิ่มอีก 5,100 ตารางเมตร คาดว่าจะเปิดได้กลางปี 59, ปรับปรุงและเพิ่มพื้นที่เช่าโครงการที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพิ่มอีก 2,000 ตารางเมตร จากเดิม 8,000 ตารางเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ และโครงการมาร์เกตเพลส ทุ่งมหาเมฆ จะเพิ่มอีก 9,000 ตารางเมตร จากเดิมมีอยู่ 3,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 61
อีกทั้งยังมีแผนปรับปรุงพื้นที่เช่ามาร์เกตเพลส ทองหล่อ ซอย 4, ศูนย์การค้าเอสพลานาด และ เจ อเวนิว ทองหล่อ รวมถึงศูนย์การค้าเมกะบางนา
ทั้งนี้ บริษัทฯวางงบลงทุน 2 ปี (59-60) ไว้ที่ 3,000 ล้านบาท โดยในปีนี้จะใช้ประมาณ 1,000 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงพื้นที่เช่า และในปี 60 จะใช้ก่อสร้างที่จอดรถที่ศูนย์การค้าเมกะบางนา และปรับปรุงพื้นที่เช่าเพิ่มเติมอีก
นายกิตตินันท์ กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างขายที่ดินเปล่าติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสเกต จำนวน 50 ไร่ มูลค่าราว 2,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ 4-5 ราย ซึ่งมองว่าหากสามารถขายที่ดินดังกล่าวได้ในปีนี้จะสามารถบุ๊คเข้าเป็นกำไรพิเศษ