ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 402.16 ล้านบาท เป็นไปตามภาวะธุรกิจรับสร้างบ้านที่เป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจรับสร้างบ้านเติบโต 30% หรือทำยอดขายราว 370 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 285 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 1/59 บริษัทมียอดจองการรับสร้างบ้านแบบ GINZA Home อยู่ที่ 93 ล้านบาท รวมอยู่ในมูลค่างานในมือ (Backlog) ในปัจจุบันทั้งหมดเกือบ 200 ล้านบาทที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด ส่วนธุรกิจขายรั้วสำเร็จรูป ประตูและกรอบหน้าต่าง ตั้งเป้าเติบโตประเภทละ 10%
บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ 40 ล้านบาทสำหรับก่อสร้างโชว์รูมบ้านสำเร็จรูป 3 แห่ง ได้แก่ โชว์รูม GINZA Home ระยอง มีกำหนดเปิดตัววันที่ 18 มี.ค. 59 โชว์รูม GINZA Home ประดิษฐ์มนูธรรม มีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 20 เม.ย.59 และโชว์รูม GINZA Home ประเสริฐมนูญกิจ มีกำหนดเปิดตัว 21 พ.ค. 59
อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างรอผลตอบรับของการรับสร้างบ้านราคาประหยัด (Optimuz) ระดับราคา 1 ล้านบาทที่เป็นสินค้าใหม่ของบริษัทที่มีกำหนดเปิดตัวในช่วงเดือน พ.ค.นี้ โดยจะใช้วัสดุที่เป็นเหล็กนาโน ซึ่งหากผลตอบรับจากการรับสร้างบ้านราคาประหยัดออกมาดี บริษัทจะก็เตรียมลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กนาโนในนครปฐม แต่ยังไม่สามารถระบุงบลงทุนได้ชัดเจน เนื่องจากต้องรอการวางแผนงานที่แน่นอนก่อน
ด้านการรุกขยายตลาดไปในต่างประเทศ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นในเวียดนามเพื่อร่วมทุนจัดตั้งบริษัท หรือจัดตั้งตัวแทนจัดจำหน่ายด้วยการนำบ้านสำเร็จรูปราคาประหยัดระดับราคา 1 ล้านบาทเข้าไปขายในเวียดนาม เพราะยังมีความต้องการบ้านราคาไม่แพงอยู่มาก โดยบริษัทยังต้องรอดูผลตอบรับหลังการเปิดตัวบ้านราคาประหยัดในไทยก่อน จากนั้นในอนาคตบริษัทยังสนใจขยายตลาดไปในพม่าและกัมพูชาด้วย
นายธวัช กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการวางแผนลงทุนพัฒนาโครงการ The GINZA 2 จำนวน 100 ยูนิตในปี 60 โดยคาดว่าจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศที่มีที่ดินรอการพัฒนาในมือ ขณะที่บริษัทจะนำแบบบ้าน GINZA Home มาสร้างเพื่อขาย โดยก่อนนี้บริษัทได้มีการทำโครงการ The Ginza จำนวน 8 ยูนิต และได้รับผลตอบรับที่ดี ทำให้บริษัทสนใจโอกาสขยายธุรกิจพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรเพิ่มเติม